ศาสตราจารย์กีรติ บุญเจือ
เปาโลจาริกธรรมทูตรอบสอง
ค.ศ.49 เปาโลอายุ 39 ปี
ขอสังคายนาก่อนบุกต่อ
คณะผู้บริหารคริสตจักรแห่งเยรูซาเลมกล่าวหาว่าคริสตจักรแห่งอันทิโอกไม่อยู่ในร่องในรอย เคยขออนุมัติรับคนไม่ใช่ยิวเข้าเป็นสมาชิกอย่างไม่อั้นก็ได้อนุมัติตามที่ขอ แต่ก็ทำเกินคำอนุญาต คือ ไม่ได้บังคับให้คนเหล่านั้นให้เกียรติแด่ศาสนายิวอันเป็นศาสนาที่พระเยซูทรงนับถือจนตลอดชีวิต จึงขอยื่นคำขาดให้ปรับระเบียบการให้เข้าร่องเข้ารอยเสีย จะได้ไม่เสียเอกลักษณ์ของศาสนาของพระเยซู ครั้นผู้สื่อข่าวนำสารมาอ่านในที่ประชุมวันเสาร์ เปาโลและบารนาบัสยืนขึ้นทักท้วงว่ายอมรับไม่ได้ บรรดาผู้บริหารคริสตจักรแห่งอันทิโอกพร้อมใจกันสนับสนุนมติของเปาโลและบารนาบัสอย่างเป็นเอกฉันท์ ด้วยเหตุผลว่า พระเยซูได้กำหนดพันธสัญญาใหม่ให้แล้ว พันธสัญญาเดิมจึงควรเป็นเรื่องตามใจ ใครอยากจะถือต่อไปก็ตามใจ แต่ถ้าใครไม่สนใจจะถือก็ควรจะตามใจด้วย เปาโลเล็งเห็นเรื่องจะบานปลาย จึงเสนอผ่านทางผู้สื่อสารไปยังเปโตรให้เรียกประชุมสังคายนา และให้มติที่ประจำเป็นอันสิ้นสุด คณะผู้บริหารคริสตจักรแห่งอันทิโอกยกขบวนไปทั้งทีมเพื่อช่วยกันให้เหตุผลและลงมติ และอีกครั้งหนึ่งที่เปโตรลุกขึ้นยืน ในที่ประชุมกล่าวสนับสนุนเปาโลอย่างออกหน้าออกตา ในที่สุดยากอบ(Jacob) ประธานคริสตจักรแห่งเยรูซาเลมก็หันมาสนับสนุนเปโตรด้วยข้อความว่า “ดังนั้นข้าพเจ้าจึงเห็นว่าไม่ควรก่อความยุ่งยากแก่คนต่างศาสนาที่กลับใจมาหาพระเจ้า” ก็เลยไม่มีใครค้านอีก เปาโลและบารนาบัสรีบเดินทางกลับอันทิโอกเพื่อวางแผนเผยแผ่ข่าวดีต่อไป

เปาโลแยกทางกับบารนาบัส
เปาโลกับบารนาบัสจับเข่าคุยกันอย่างเปิดอกเพื่อวางแผนเดินทางธรรมทูตรอบที่2 บารนาบัสเป็นห่วงคริสตจักรแห่งบ้านเกิดที่เกาะไซปรัส เพราะคนไซปรัสมีการศึกษาดี นับถือศาสนาอย่างมีคุณภาพ จำนวนมากเป็นพ่อค้าเดินทางไปต่างแดนกันบ่อย ผู้ที่รับเชื่อแล้วส่วนมากมีจิตเมตตาอยากชักชวนชาวชนทุกแห่งที่ไปติดต่อค้าขาย สร้างคริสตจักรใหม่กันไม่หยุดหย่อน หากไปตั้งศูนย์เผยแผ่ธรรมที่นั่น คอยดูแลให้กำลังใจและให้คำแนะนำอย่างเหมาะสม คริสตจักรน่าจะตั้งขึ้นได้อย่างดอกเห็ดฤดูฝน ไม่ช้าก็จะแผ่ไปทั่วมหาอาณาจักรโรมัน เชื่อซี! เปาโลสู้อุตส่าห์ฟ้งจนจบ ไม่เห็นด้วยที่จะนั่งคอยนอนคอยให้คนอื่นทำงานมารายงาน ไม่รู้สึกสนุกเลยแม้แต่น้อย คิดถึงคริสตจักรต่างๆที่ตนได้ไปบุกเบิกไว้อย่างสนุกสนานกับปัญหาและวิธีแก้แบบต่างๆไม่ซ้ำแบบ หากไม่ไปกระตุ้นให้กำลังใจ ก็จะสลายตัวไปในที่สุด คิดล่วงหน้านักอัตถิภาวะนิยม(existentialist) ที่ว่ามันน่าสนุกจังเลยที่จะได้เผชิญปัญหาแบบซึ่งหน้าซึ่งจะต้องใช้ไหวพริบเฉพาะหน้าแก้ปัญหาไปเป็นเปลาะๆ มันช่างมันในอารมณ์จริงๆ อยากต่อยอดต่อไปบนความเสี่ยง ซึ่งสำหรับเปาโลการเสี่ยงยกถวายพระเยซูเป็นลาภอันประเสริฐยิ่งนัก คิดได้อย่างนี้ก็เลยตัดบทสั้นๆง่ายๆ “เราแยกทางเดินกันดีกว่า” สบอารมณ์บารนาบัสทันที ทั้ง2ลุกขึ้นยืนราวกับนัดกัน จับมือกัน กอดกัน ต่างก็พล่ามวาจาพระเจ้าอวยพร แล้วก็แยกกันไปวางแผน ของใครของมัน แล้วแต่พระจิตวิญญาณบริสุทธิ์จะพาไป บารนาบัสวางแผนไปไซปรัสโดยมีมาระโกติดตามไปฝึกงาน เปาโลวางแผนบุกเอเชียต่อโดยมีเด็กหนุ่มสิลาส(Silas)ติดตามไปฝึกงาน

ค.ศ.50 เปาโลอายุ 40 ปีเดินทางธรรมทูตเที่ยวสอง
เที่ยวนี้ไม่ลงเรือ แต่ลุยทางบก หวังจะผ่านเยี่ยมคริสตจักรที่ตนได้ตั้งไว้และตั้งใหม่ที่ไหนก็ได้ หวังจะเยี่ยมพลางตั้งใหม่พลางว่างั้นเถอะ จุดเริ่มต้นคืออันทิโอก เลียบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนฝั่งตะวันออกขึ้นเหนือไปประมาณ100ก.ม.ก็ถึงจุดเริ่มต้นของแหลมเอเชียไมเนอร์ เลี้ยวซ้ายมุ่งสู่ตะวันตกเพื่อเลียบชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนต่อไปอีกประมาณ100ก.ม.ก็ถึงทาร์เสิส(Tarsus) บ้านเกิดของตนเอง แวะเยี่ยมญาติและคริสตจักรต่างๆที่ตนรู้จัก พอใจแล้วก็จากไปมุ่งไปทางตะวันตกอีกประมาณ 300 ก.ม.ถึงเมืองเดอร์บีแวะเยี่ยมแล้วมุ่งต่อไปทางตะวันตกอีก40ก.ม.ถึงเมืองลีสตรา แวะเยี่ยม ได้หนุ่มคนหนึ่งขอเป็นสาวกติดตามเพื่อฝึกงาน เป็นหนุ่มน้ำใจดีนามว่าทิโมธี(Timothy) มีชื่อเสียงดีโด่งดังทั่วลิสตราและอิโคนิยุม บิดาเป็นชาวกรีกมารดาเป็นชาวยิวมีธุรกิจในเมืองลิสตรา เปาโลให้เป็นเพื่อนกับสิลาส ได้ฤกษ์เดินทางหักขึ้นเหนือประมาณ40ก.ม.ถึงเมืองอิโคนิยุม แวะเยี่ยมแล้วหักมุมไปทางตะวันตกประมาณ100ก.ม.ถึงเมืองอันทิโอกแห่งปิสิเดีย แวะเยี่ยมแล้วเดินทางต่อขึ้นเหนือเข้าเขตแคว้นกาลาเทียไปสัก200ก.ม.ไม่พบที่ถูกใจจึงเลี้ยวซ้ายไปทางตะวันตกเข้าแคว้นฟรีเจีย(Phrygia)ไปเรื่อยๆเข้าแคว้นมายเซีย(Mysia)เดินทางมุ่งสู่ตะวันตกอีกประมาณ500 ก.ม.ถึงเมืองโทรอัส(Troas)เมืองชายทะเลสุดเขตเอเชียไมเนอร์ทางตะวันตกจึงหยุดค้างคืนณชายทะเลฝั่งตะวันออกเหนือสุดของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ยังไม่รู้ว่าจะขึ้นเหนือหรือล่องใต้ดี หรือว่าจะปักหลักที่เมืองนั้นซึ่งก็เป็นเมืองสำคัญอยู่เมืองหนึ่ง จึงอยากจะขอให้พระเยซูช่วยตัดสินใจให้
โทรอัสเป็นเมืองลูกหลวงของมหาอาณาจักรทรอย(Troy) อยู่ห่างจากทรอยมาทางทิศใต้ประมาณ16กม. ถูกทิ้งร้างหลังสงครามกรุงทรอย หลังความตายของกษัตริย์แอลเลิกแซนเดอร์ตกเป็นของราชอาณาจักรซีเรีย กษัตริย์ Antigonusโปรดให้บูรณะเมืองขึ้นมาใหม่ประทานนามว่า Antigonia Troas ราวก.ค. ศ.300 กษัตริย์Lysimacusแห่งเธรส(Trace)โปรดให้ขยายเมืองและประทานนามให้ใหม่ว่า Alexandria Troas ให้เป็นเมืองพักตากอากาศชายทะเลที่ทันสมัย ก.ค.ศ.133 ตกเป็นของมหาอาณาจักรโรมัน ซึ่งพัฒนาขึ้นเป็นเมืองท่าและเมืองยุทธศาสตร์
เปาโลได้รับคำตอบจากพระเยซูเป็นนิมิตในฝันเห็นชาวมาซิโดเนียคนหนึ่งมาแสดงคารวะขอเชิญให้ไปชี้แจงเรื่องพระเมสสิยาห์แก่ชาวมาซิโดเนีย(Macedonia)รุ่งเช้าเปาโลซื้อตั๋วลงเรือโดยสารข้ามฟากทันทีเป็นระยะทางประมาณ 250 กม. ต้องแวะพักแรมที่เกาะซาโมธรัส(Samothras) 1 คืนก่อนจะขึ้นท่าเรือเนอาโปลิส ตัดสินใจเดินทางต่อไปสู่เมืองฟิลิปปี(Philippi)ซึ่งเป็นเมืองสำคัญอันดับ2ของแคว้นมาซิโดเนียต่อจากเมืองหลวงมาซิดอน (Macedon)ฟีลิปปีเป็นเมืองป้อมมีกำแพงล้อมรอบ คณะธรรมทูตเดินตามชาวเมืองผ่านประตูเมืองเข้าไปก็รู้สึกทันทีว่าเป็นเมืองสำคัญทางยุทธศาสตร์สำหรับภาคเหนือทั้งหมดของกรีซ ชาวพื้นเมืองกรีกเป็นเผ่าดอร์เรียนผสมกับชาวพื้นเมืองเดิมที่ชาวกรีกเรียกอย่างรวมๆว่าเปลาสเจียน (Pelasgian) นอกกำแพงเมืองมีอาณานิคมทหารโรมันปลดประจำการและมีค่ายทหารประจำการ หาชัยภูมิที่เหมาะและสะดวกสำหรับเข้านอกออกเมืองเพื่อศึกษาหาลู่ทางประกาศข่าวดี คิดว่าตั้งเต็นท์ใกล้ประตูเมืองและใกล้เจ้าหน้าที่อารักขาเมืองไว้น่าจะปลอดภัยที่สุด เสร็จแล้วก็เดินดูเมือง สืบหาดูว่ามีธรรมสถานยิวอยู่ตรงไหนบ้าง เพื่อไปผูกมิตรและหยั่งเชิงสนทนาเรื่องพระเมสสิยาห์ พบข้อมูลว่ามีชาวยิวอยู่ไม่มากเพราะไม่ใช่เมืองธุรกิจ จึงไม่มีธรรมสถานตั้งอย่างเป็นทางการ ภายนอกเมืองใกล้ประตูเมืองมีธารน้ำใสไหลเย็นและสะอาด บริเวณนั้นเป็นป่าโปร่ง ทุกวันเสาร์ชาวยิวจะนัดพบกันณที่นั้นเพื่อประกอบพิธีสับบาโต มีคนเชื้อสายอื่นเข้าร่วมชมนุมมากกว่าคนเชื้อสายยิวเสียอีก เปาโลจึงวางแผนว่าวันเสาร์จะต้องไปดูลาดเลาจะได้วางแผนถูก หาลาดเลาอย่างนี้กันอยู่หลายสัปดาห์จึงมีสุภาพสตรีคนหนึ่งแสดงตัวว่าชื่อลีเดีย บ้านเกิดอยู่ที่เมืองธิยาทิรา(Thyatira)ใกล้เมืองท่าโตรอัสที่เปาโลได้ผ่านมา อันเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในการผลิตผ้ากำมะหยี่ ตระกูลของเธอร่ำรวยด้วยอาชีพนี้มาหลายชั่วคน ครอบครัวของเธอได้รับมอบหมายให้มาเป็นเอเย่นต์ตัวแทนจำหน่ายที่เมืองนี้ เธอได้ยินลูกค้าชาวยิวพูดถึงเรื่องพระเมสสิยาห์รู้สึกสนใจจึงติดตามข่าวคราวเรื่อยมา ส่วนมากฟังแล้วไม่ถึงใจ เห็นเปาโลแล้วสนใจมาก พยายามฟังจนจับใจความได้ รู้สึกมีอะไรภายในกระซิบบอกว่า”ใช่แล้ว! นี่แหละที่รอคอย แต่ก็ยังพยายามจับผิดดูเชิงจนแน่ใจจริงๆจึงได้เปิดตัว และบัดนี้ไม่มีอะไรเคลือบแคลงสงสัยอีกแล้ว จึงขอสมัครเป็นสาวกเต็มตัว ยินดีสนับสนุนเต็มที่ บอกมาเถอะให้ทำอะไร ได้ทั้งนั้น เปาโลเข้าภวังค์อยู่พักใหญ่ ขอบคุณพระเยซูที่ชี้ทางและนำทางมาโดยตลอด ทุกอย่างจึงได้ลงตัวอย่างว่า ออกจากภวังค์แล้วก็เชิญเธอและผู้ติดตามทุกคนไปริมลำธาร จัดการประทานบัปติสมาล้างบาปและเชิญพระจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เสด็จลงมาเหนือทุกคนที่รับเชื่อ ต่อหน้าต่อตาสายตานับร้อยคู่ที่จับจ้องดูว่าเปาโลจะทำอะไรกับเธอ แน่นอนเธอเป็นเศรษฐินีของเมืองที่ทุกคนรู้จัก เธอกลายเป็นโมเดลที่น่าเอาอย่าง ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ย่อมอดคิดไม่ได้ว่าฉันควรทำอะไรบ้างหรือไม่ เปาโลถือโอกาสชี้แจงว่าอะไรเกิดขึ้นและพวกเขาควรพิจารณาเดินตามเพื่อมิให้ตกยุค เปาโลให้สิลาสและธิโมทีช่วยไขข้อข้องใจ ส่วนตนเองปรึกษาหารือกับครอบครัวของลีเดียถึงแผนการสร้างคริสตจักรแห่งฟิลิปปี ลีเดียเสนอให้เปาโลและคณะรื้อเต็นท์แล้วย้ายนิวาสถานไปอยู่ในบริเวณบ้านของเธอในเมืองซึ่งมีบริเวณกว้างขวาง มีที่สำหรับประชุมและอบรมไม่ว่ากลุ่มเล็กหรือกลุ่มใหญ่ก็สะดวกทั้งสิ้น เธอยินดีรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดโดยถือว่าเป็นการทำบุญ เปาโลถือว่าพระเยซูได้ทรงจัดให้ทุกอย่าง จึงไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธแต่ประการใดทั้งสิ้น มีแต่ต้องเดินหน้าลูกเดียวไปในวิถีทางที่พระองค์ทรงวางไว้ให้โดยซื่อสัตย์สุจริตไม่บิดพริ้วแม้แต่ยองใย การก่อตั้งคริสตจักรแรกบนผืนแผ่นดินกรีซบ่อเกิดแห่งอารยธรรมโลกจึงเป็นไปอย่างเรียบร้อยและรวดเร็วเกินคาด

วิกฤติเป็นโอกาสในฟีลิปปี
อย่างไรก็ตามพระเยซูยังไม่พอพระทัยเพียงแค่นี้ เพราะรักจึงทรงอยากให้เปาโลมีโอกาสได้พัฒนาคุณภาพชีวิตมากกว่านี้ จึงทรงเปิดโอกาสให้มารได้สบช่องขัดขวางงานของเปาโลดังต่อไปนี้ มันใช้วิธีเข้าทรงหญิงทาส(ทาสี)คนหนึ่งที่ชอบขออนุญาตนายของตนมาร่วมศาสนพิธียิว ณ ริมลำธารน้ำใส เพราะนอกจากได้สังสรรค์ผู้คนแล้วยังได้รับประทานอาหารอร่อยๆที่คนรวยหยิบยื่นให้ด้วย มารเข้าสิงในตัวเธอและพยากรณ์อะไรต่างๆให้ถูกใจคนและก็มีคนถูกใจถึงกับบริจาคเงินทองข้าวของเครื่องใช้ให้ซึ่งนางก็นำไปให้นายของนางทำให้นายชอบใจมาก จึงถือโอกาสมานั่งเฝ้าเพื่อทวงค่าพยากรณ์เสียเลย แต่มารก็มีเป้าหมายของมันคือส่งเสียงโหวกเหวกรบกวนสมาธิของเปาโลและผู้ตั้งใจฟังอยู่เนืองๆ คราวหนึ่งอธิบายเรื่องพระเมสสิยาห์กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม นางก็ตะโกนขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยว่า “เชื่อพวกเขาเข้าไว้ จะได้ไปสวรรค์เร็วๆ” แต่ทว่าน้ำเสียงนั้นแดกดันอยู่ในที เปาโลมองเห็นชัดว่าเป็นแผนอุบาทว์ของมารที่เข้าทรงอยู่ จึงเชิญอำนาจของพระเยซูบังคับให้มันออกจากร่างทรงและอย่ากลับมาอีก พลันทาสีคนนั้นก็สงบลุกขึ้นมานั่งพับเพียบแต้อยู่ในกลุ่มที่ฟังเปาโลบรรยาย เจ้าของทาสีเห็นเหตุการณ์พลิกผันไปเช่นนั้นก็โกรธจัด โวยวายเรียกร้องให้เปาโลเชิญมารมาเข้าทรงร่างตามเดิมให้ได้ แต่ผู้ภักดีต่อเปาโลช่วยกันขับไล่เขากลับไปบ้านเสีย เขากลับไปฟ้องเจ้าเมืองให้มาจัดการกับคนต่างถิ่นมาสร้างความวุ่นวายในบ้านเมือง เขาเป็นญาติกับเจ้าเมือง เจ้าเมืองจึงจัดหนักให้โดยส่งเจ้าหน้าที่มาจับเปาโลและศิษย์ทั้ง2ไปสั่งให้พัศดีเรือนจำเฆี่ยนและขังตีตรวนในแดนฉกรรจ์จนกว่าจะมีคำสั่งมาใหม่ เปาโลถือโอกาสประกาศข่าวดีแก่นักโทษฉกรรจ์ทั้งหลายที่ถูกขังอยู่ในห้องเดียวกัน ทั้งหมดพากันเชื่อฟังและขอรับบัปติสมาล้างบาปซึ่งเปาโลรับรองว่าพระเยซูจะทรงจัดการให้ ณบัดดลนั้นเกิดเสียงโครมครามขึ้นสนั่นหวั่นไหวเหมือนแผ่นดินไหวรุนแรง อาคารที่กักขังพังทลายแต่ไม่มีใครได้รับอันตราย ทว่าโซ่ตรวนหลุดหมด หัวหน้าพัศดีมาเห็นเข้าคิดว่าตนไม่พ้นผิดแน่จึงชักดาบออกมาจะฆ่าตัวตาย เปาโลเข้าไปห้ามและขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบเพราะพระเยซูจะจัดการให้ทุกอย่างเรียบร้อยตามความต้องการของแต่ละคน สักครู่เจ้าเมืองก็มาถึง ครั้นได้รับรายงานก็เข้าใจประเด็นจึงสั่งให้ปล่อยตัวเปาโลและศิษย์ทั้ง2ในฐานะผู้บริสุทธิ์ไร้ความผิด แต่เปาโลทักท้วงว่าเท่านั้นหาพอไม่ เพราะตนเองถือสัญชาติโรมันถูกเฆี่ยนไม่ได้ แต่เมื่อวันวานได้ถูกเฆี่ยนไปแล้วด้วยคำสั่งของเจ้าเมือง จึงขอถวายฎีกาแก่พระมหาจักรพรรดิตามสิทธิ เจ้าเมืองได้ยินเช่นนั้นตกใจมาก จึงถามอย่างละล่ำละลักว่าต้องการค่าชดเชยเท่าไรก็จะยอมให้ เปาโลจึงขอให้อภัยโทษแก่ทุกคนที่หลุดจากโซ่ตรวน เจ้าเมืองยอมแต่ขอเป็นข้อแลกเปลี่ยนให้เปาโลและคณะเดินทางออกพ้นเขตปกครองฟีลิปปีภายใน3วัน ซึ่งเปาโลยอมตกลง เพราะเชื่อว่าคริสตจักรแห่งฟีลิปปีแข็งแรงพอแล้ว ตนควรไปเผยแผ่ข่าวดีณที่อื่นต่อไป เช่น เอเธนส์
เปาโลออกจากคุกมุ่งหน้าสู่บ้านของลีเดีย มีผู้ภักดีรอคอยต้อนรับอย่างคับคั่ง มีผู้ร้องห่มร้องไห้อาลัยอาวรณ์ แต่เปาโลปลอบใจให้ทุกคนเข้มแข็งและขยายอาณาจักรแห่งข่าวดีต่อไปตามเจตนาของพระเยซู ตนเองรู้สึกมีพันธกิจจะต้องไปก่อตั้งคริสตจักรอื่นๆต่อไป ขอให้ทุกคนเป็นกำลังใจแก่กันและกันและมุ่งหน้าทำดีต่อไป เปาโลและคณะออกจากเมืองฟีลิปปีตามสัญญามุ่งหน้าสู่เอเธนส์ด้วยความมุ่งมั่นและหวังเต็มที่ว่าจะต้องตั้งคริสตจักรเป็นศูนย์ของโลกที่นั่นให้ได้ สมกับที่เป็นศูนย์กลางแห่งวัฒนธรรมและวิชาการของโลก เชิญติดตามดูกันต่อไปว่า เปาโลจะทำได้สำเร็จตามความมุ่งมาดปรารถนาหรือไม่


Leave a comment