ศาสตราจารย์กีรติ บุญเจือ
เปาโลบุกโครินธ์
จำใจจำจากเอเธนส์
สุนทรพจน์ในรัฐสภาเอเธนส์เป็นเหมือนการเสี่ยงทายของเปาโลว่าควรจะทำการเผยแผ่ข่าวดีที่เอเธนส์ต่อไปดีหรือไม่ จากการประเมินของเปาโลเองคิดว่าไม่ควร เพราะหาผู้สนใจสนทนาเรื่องพระเมสสิยาห์ยาก และนั่นเป็นจุดขายของการเผยแผ่ข่าวดีของเปาโล ขณะนั้นเอเธนส์เป็นของมหาอาณาจักรโรมันซึ่งยอมให้มีสภาจัดการบริหารกันเองยกเว้นนโยบายการเมืองและการทหาร ดังนั้นพลเมืองเอเธนส์จึงแบ่งออกได้อย่างหยาบๆเป็น3ส่วน คือ 1.นักปกครองซึ่งสนใจแต่เรื่องการเลื่อนตำแหน่งและรักษาตำแหน่ง 2.ชาวบ้านซึ่งสนใจแต่เรื่องโชคลาภอันพึงเอาชนะกันได้ด้วยการเอาใจเบื้องบนซึ่งนักปกครองก็เอาใจด้วยการสร้างเทวสถานและเทวรูปให้ตามต้องการ ในเอเธนส์จึงมีเทวสถานมีเทวรูปประจำให้เลือกมากมาย เจ้าของเทวสถานเหล่านี้ช่วยกันให้กำลังใจว่ายิ่งทำบุญยิ่งได้ลาภยศสรรเสริญ ในที่สุดนักปกครองหัวดีคิดจะเอาใจพวกที่อยากเอาใจเทพ/เทวีที่ไม่รู้ว่าไปรู้มาจากไหนและไม่มีแท่นบูชาไว้ให้ (เพราะเชื่อกันในสมัยนั้นว่า จะถวายของให้เทพองค์หนึ่งต้องระวังไม่ให้เทพองค์อื่นรู้ เดี๋ยวจะอิจฉากัน ดังนั้นจะถวายของให้เทพองค์หนึ่งบนแท่นบูชาของอีกองค์หนึ่งไม่ได้เป็นอันขาด) จึงสร้างแท่นไว้แท่นหนึ่งโดยไม่ระบุว่าถวายแด่เทพใด ใครต้องการถวายแด่เทพ/เทวีใดที่รู้ชื่ออยู่ในใจ ก็ให้เชิญเทพนั้นมาเป็นการส่วนตัว ถวายแล้วก็ลบหลักฐานเกี่ยวกับเทพองค์นั้นเสียอย่าให้เทพที่จะเชิญต่อไปเห็น 3.ผู้เป็นศิษย์มีอาจารย์สำนัก ซึ่งคอยจับความเคลื่อนไหวของเจ้าสำนักว่าจะมีคำสอนหรือแถลงการณ์อะไรออกมาใหม่ๆบ้าง ซึ่งส่วนมากจะประณามการนับถือศาสนาเทพเจ้าต่างๆทั้งของท้องถิ่นและต่างแดน และเสนอแง่คิดปรัชญาเข้ามาแทน ซึ่งก็จะมีออกมาต่างๆกัน ของใครของมัน ไม่ก้าวก่ายกันและไม่ตีกัน 4.ผู้เป็นศิษย์ยังไม่เลือกอาจารย์ จึงเลือกฟังไปเรื่อยๆเพื่อช่วยการตัดสินใจ พวกนี้จะเข้าฟังได้เฉพาะเรื่องผิวเผิน ไม่ได้ฟังเรื่องสงวนไว้ให้แก่สมาชิกโดยเฉพาะ ถ้าอยากฟังของดีก็ต้องรีบตัดสินใจเป็นศิษย์สำนักใดสำนักหนึ่งโดยเร็วเพื่อจะอวดอ้างได้และเพื่อจะได้ฟังคำสอนที่สงวนไว้เฉพาะศิษย์ของสำนักเท่านั้น ในบรรยากาศเช่นนี้คำว่า “เราก็ศิษย์มีอาจารย์หนึ่งบ้าง” จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง 4.ชาวยิวซึ่งมีน้อยและค้าขายเล็กๆน้อยๆ เพราะไม่ใช่ศูนย์กลางการค้า ไม่มีผู้สนใจเรื่องพระเมสสิยาห์ ไม่ปรากฏว่าเปาโลได้ก่อตั้งคริสตจักรไว้ เพราะมองไม่เห็นลู่ทาง และเราเริ่มรู้เรื่องคริสตจักรแห่งเอเธนส์เพียงแต่ว่าผู้นำคนแรกมีนามว่า Quadratosซึ่งมีชีวิตกลางศตวรรษที่2 คือราวค.ศ.150
ในที่สุดสิลาสและทิโมธีมาสมทบซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะจะต้องคอยให้ผู้ภักดีที่มาส่งจากเบโรอากลับไปแจ้งให้รู้ว่าเปาโลอยู่ที่ไหนและอย่างไรในกรุงเอเธนส์ ลูกศิษย์ผู้ติดตามทั้ง2จึงเตรียมตัวจองตั๋วเดินทางมาตามลายแทงจนพบ เปาโลดีใจที่จะวางแผนเดินหน้าต่อไปเสียที แต่ก็อึดอัดใจมากขึ้นที่ต้องรบกวนเจ้าของบ้านที่ไม่ใช่เพื่อนแต่เป็นเพียงเพื่อนของเพื่อน แต่ก็ต้องจำใจอึดอัดต่อไปอีกเดี๋ยวเดียว ทีม3สุมหัวปรึกษากัน รับว่าคิดผิดที่คิดจะมาตั้งหลักใหญ่เสาประโคนในเมืองที่เป็นมันสมองของโลก ไม่เป็นไร ให้ผิดเป็นครูชี้ทางให้เดินหน้าต่อไปอย่างฉลาดมากขึ้น เปาโลเสนอให้ไปทดลองกันที่เมืองโครินธ์ซึ่งเป็นศูนย์กลางธุรกิจของภาคกลางกรีซเหมือนเธสสะโลนิกาเป็นศูนย์กลางธุรกิจของภาคเหนือกรีซ
ประเทศกรีซทั้งหมดแบ่งออกเป็นผืนแผ่นดินใหญ่2ผืนคือผืนเหนือกับผืนใต้ เชื่อมกันด้วยคอคอดเหมือนคอคอดกระของเราที่เชื่อมภาคกลางกับภาคใต้ คอคอดโครินธ์เดิมเรียกว่าคอคอดเลปันโต (Lepanto) มีความกว้างประมาณ 10 ก.ม. และยาวประมาณ 30 ก.ม. แยกอ่าวโครินธ์ทางตะวันตกออกจากอ่าวซาโรนิก(Saronic)ทางตะวันออก เอเธนส์อยู่ทางก้นอ่าวตะวันออก ส่วนโครินธ์อยู่ที่ก้นอ่าวตะวันตก ก็หมายความว่าเปาโลต้องเดินทางจากก้นอ่าวของดินแดนกรีซผืนเหนือสู่ก้นอ่าวของดินแดนกรีซผืนใต้เป็นระยะทางประมาณ40ก.ม. ซึ่งเป็นระยะทางแค่นี้เองสำหรับเปาโล เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้เช้าออกเดินทางได้เลยแต่เช้าตรู่ ลูกศิษย์ก้นกุฏิทั้ง2ได้แต่พยักหน้าหงึกๆแสดงความเข้าใจและอาการเชื่อฟังโดยไม่กล้าออกปากขอชมเมืองที่เป็นมันสมองของโลกสัก2วัน ไหนๆก็มาเหยียบถิ่นแล้ว ประการที่2เปาโลเสนอข้อคิดเห็นจากประสบการณ์ตรงว่าตั้งแต่นี้ไปเราต้องไม่รบกวนใครโดยไม่จำเป็นเพียงแต่เพื่อความสะดวกสบายของตัวเราเอง ไม่ว่าเราจะไปปักหลักที่ไหน เราต้องพยายามช่วยตัวเองในด้านปัจจัยทั้ง4 เราจะอยู่ในเต็นท์ของเราเพื่อจะไม่รบกวนความสงบสุขในบ้านที่เต็มใจรับเราเข้าอยู่อาศัยและบางทีก็ต้องถูกรังแกเพราะให้ที่พักพิงแก่เรา บ้านฉันทำเต็นท์ขายเป็นอาชีพ ฉันทำเต็นท์เก่งและยังทำได้อยู่ ฉันจะทำเต็นท์เพื่อเป็นที่พักของพวกเรา มีปัญหาก็หลบไปตัวเปล่าทิ้งเต็นท์ไว้ไปทำเอาใหม่ข้างหน้า เราจะช่วยกันทำเต็นท์ขายเพื่อหาค่าใช้จ่ายเอง เงินทำบุญต่อแต่นี้ไปเราจะไม่ขอแตะแม้แต่เก๊เดียง เพื่อให้เงินทำบุญได้ใช้จ่ายเพื่อการขยายคริสตจักรอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับช่วยคนด้อยโอกาสและประสบความหายนะ ทั้งนี้เป็นการป้องกันมิให้ใครอ้างได้ว่าเราต้องทำอย่างโน้นอย่างนี้เพราะบุญคุณอย่างโน้นอย่างนี้ เราจะได้รักษาความเป็นกลางในการตัดสินใจทุกอย่างเพื่อพระเยซูอย่างเต็มร้อยจริงๆ ลูกศิษย์ทั้ง2พยักหน้าหงึกๆแสดงการรับรู้และสมัครใจอีกครั้งหนึ่ง ลูกศิษย์ทั้ง2เป็นคนหัวใหม่ ไม่อยากเชื่อว่าเปาโลล้มเหลวกับสุนทรพจน์ในรัฐสภา จึงขอให้เปาโลเล่าเรื่องราวให้ฟังอย่างละเอียดซึ่งเปาโลก็เต็มใจตอบสนอง ลูกศิษย์ทั้ง2คิดตรงกันอย่างคนรุ่นใหม่ว่าเรื่องนี้ต้องมีความสำคัญเป็นพิเศษในอนาคตเป็นแน่ จึงได้พยายามจดจำไว้และภายหลังเมื่อลูกามาร่วมทีมทำงานด้วยก็ได้ถ่ายทอดให้ลูกาฟังอย่างละเอียดและทำการวิเคราะห์ วิจักษ์และวิธานกันอย่างกว้างขวางจนจำได้แม่นยำและลูกาเขียนไว้อย่างละเอียด เรื่องนี้มีความสำคัญอย่างไรต่อศาสนาคริสต์โดยส่วนรวมมาจนทุกวันนี้ จะได้พิจารณากันต่อไปในที่อันควร

จากเอเธนส์สู่โครินธ์
การเดินทางครั้งนี้อาจจะเป็นทางทะเลหรือทางบกก็ได้ หากไปทางทะเลก็ต้องขึ้นบกต่ออีก 6 กม. (เพิ่งจะขุดคลองเชื่อมอ่าวตะวันออกกับตะวันตกเมื่อค.ศ.1893 นี่เอง) ถ้าไปทางบกก็ตัดทางตรงถึงได้เลย เราไม่มีหลักฐานอะไรช่วยบ่งชี้เรื่องนี้ แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับความบังเอิญที่ว่า ระหว่างการเดินทางครั้งนี้ได้พบครอบครัวยิวฐานะดีที่เพิ่งย้ายถิ่นและประกอบอาชีพทำเต็นท์ขายจากกรุงโรมมาอยู่ที่โครินธ์ทั้งนี้เนื่องจากพระราชกฤษฎีกาของจักรพรรดิกลอเดียสที่2(Claudius II) ให้ขับไล่ชาวยิวทุกคนออกจากกรุงโรม เนื่องจากมีญาติอยู่ที่โครินธ์จึงอพยพมาอยู่และทำกินอย่างถาวรเสียเลย เปาโลดีใจจึงแนะนำตัวว่าเป็นยิวเร่ร่อนมาด้วยกัน 3 คน มีความชำนาญในการทำเต็นต์ แต่ไม่มีทุนรอน ไปที่เอเธนส์ ไม่ชอบบรรยากาศ จึงคิดจะไปหางานทำกันที่โครินธ์ ถ้าไม่รังเกียจก็ขอให้รับไว้ทำงาน ไม่เกี่ยงเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น เพราะเป็นผู้มีศรัทธาต่อพระเจ้าและอยากรับใช้พระเมสสิยาห์เท่านั้น อย่างอื่นไม่เกี่ยง สองสามีภรรยามีอาการตาลุกดีใจ แสดงตัวทันที เราชื่ออควีลา(Aquila) และปริสชีลลา(Priscilla) เป็นยิวเต็มตัว ใช้ชื่อกรีกให้ทันสมัย แต่ก็ยังไม่วายถูกไล่พร้อมยิวอื่นๆ ไม่อยากขอสัญชาติโรมันเพราะยังหวังว่าจะได้พบพระเมสสิยาและรับใช้พระองค์ ถ้าอย่างนั้นก็เข้าล็อคเปาโลเต็มประตู เราได้พบพระเมสสิยาห์แล้วและกำลังรับใช้พระองค์อยู่ทุกลมหายใจ เปาโลเล่าความเป็นมาให้ฟังโดยละเอียด ทันทีอควีลาออกปากปวารณาตัว “ถ้าอย่างนั้นขอเชิญมาอยู่กับเรา บ้านเรามีเนื้อที่เพียงพอให้ท่านใช้ทำงานของพระเมสสิยาห์ให้เต็มที่ เราขออนุญาตรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด เราดีใจและสมใจนึกแล้วที่ได้มีโอกาสรับใช้พระเมสสิยาห์ดังที่ได้ใฝ่ฝันมานาน แต่เปาโลขอตัวว่า ได้ปฏิญาณตนไว้แล้วว่าจะแยกเรื่องส่วนตัวออกจากพันธกิจ ท่านจะพอใจบริจาคเท่าใดก็ขอให้เป็นการบำรุงคริสตจักรทั้งหมดเถิด ส่วนค่าใช้จ่ายส่วนตัวขอให้ท่านจ่ายให้เราตามอัตราจ้างปรกติของลูกจ้าง เราจะขอกางเต็นท์อยู่ในบริเวณที่ดินของท่าน ขอให้เรามีรายได้พออยู่พอกินด้วยน้ำพักน้ำแรงของพวกเราเอง ก็พอแล้ว สองสามีภรรยาจะอ้อนวอนสักเท่าใดเปาโลก็ไม่ยอมอยู่ดี ที่สุดก็ต้องยอมตามใจเปาโลโดยไม่มีเงื่อนไข เปาโลใช้วิธีดังกล่าวทำการเผยแผ่ข่าวดีที่โครินธ์เป็นเวลาประมาณปีครึ่ง(คือตั้งแต่ต้นปีค.ศ.50ถึงกลางปีค.ศ.51)มีผู้สนใจรับบัปติสมาล้างบาปมากมาย ทั้งชาวยิวและไม่ใช่ยิว ได้แม้กระทั่งเจ้าของธรรมสถานด้วย ตั้งคริสตจักรแห่งโครินธ์ขึ้นอย่างมั่นคงสมความปรารถนาที่อยากให้เกิดขึ้นที่กรุงเอเธนส์
เนื้อหาในจดหมายฉบับแรกที่เปาโลเขียนในเต็นต์ที่พักของตน ณ เมืองโครินธ์เป็นจดหมายถึงชาวเธสสะโลนิกาน่าจะเขียนที่โครินธ์ขณะที่มาอยู่ใหม่ๆ เปาโลคงได้ห่วงใยครอบครัวของยาโสนซึ่งไม่ใช่ยิวแต่เชื่อในพระเมสสิยาห์และถูกชาวยิวรังควาญหนักเพราะรับเปาโลให้พักอยู่ในบ้าน เปาโลได้ส่งทิโมธีไปเยี่ยมถามทุกข์สุข กลับมาบอกว่าไม่มีปัญหากับชาวยิวรังควาญแล้ว เพราะสามารถเผยแผ่ข่าวดีออกไปในหมู่ชาวกรีก แต่พวกเขาไม่เข้าใจเรื่องการฟื้นคืนชีพว่าฟื้นอย่างไรและนานเท่าไรซึ่งทิโมธีก็ได้ชี้แจงไปแล้ว แต่พวกเขาต้องการคำยืนยันจากเปาโลโดยตรง เปาโลจึงได้เขียนชี้แจงไปว่า ฟื้นจริงๆเมื่อวาระสิ้นอายุของโลก จะมีร่างกายจริงๆและจะคงอยู่ตลอดกาลไม่มีวันสิ้นสุด

ก่อตั้งคริสตจักรแห่งเอเฟซัส
อยู่มาวันหนึ่งอควีลาและปริสชีลลามีเหตุต้องไปทำธุรกิจที่เอเฟซัส(Ephesus)กับลูกค้าประจำจำนวนหนึ่ง เอเฟซัสอยู่ในเอเชียไมเนอร์ เป็นอาณานิคมของชาวกรีกอารยันเผ่าอโอว์เนียน(Ionian)ซึ่งผลิตนักปรัชญาเฮร์เรอคลายเถิส(Heraclitus)ผู้สอนว่าปฐมธาตุคือไฟ Logos พระวจนะเป็นไฟบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ทรงฤทธิ์และปรีชาญาณเป็นผู้สร้างทุกสิ่ง เปาโลเห็นเป็นโอกาสดีที่จะไปเริ่มงานที่นั่น จึงขอติดตามไปด้วย ที่นั่นพอแนะนำกันให้รู้จักกันแล้ว เปาโลก็หาที่กางเต็นต์อยู่กับลูกศิษย์อย่างเอกเทศ ให้อควีลาและปริสชีลลาไปทำธุรกิจตามปรกติ ส่วนเปาโลก็หาวิธีเผยแผ่ข่าวดีของตนไปโดยไม่ให้เกี่ยวข้องกัน ทุกคนที่เป็นมิตรของอาควีลาและปริสชีลลาก็ยินดีเป็นมิตรกับเปาโลด้วย พวกเขาพร้อมใจกันต้อนรับข่าวดีเรื่องพระเมสสิยาห์มีโสสเธนิส(Sosthenes)เจ้าของธรรมสถานเป็นต้น เปาโลจัดตั้งคริสตจักรแห่งเอเฟซัสได้สำเร็จอย่างรวดเร็ว แล้วจู่ๆเปาโลก็สั่งลูกศิษย์สิลาสและทิโมธีเก็บของจองตั๋วเรือจากเอเฟซัสไปซีซารียาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ไม่มีใครทราบสาเหตุจนบัดนี้ ไม่มีเวลาแม้แต่จะอำลามิตรสนิทอย่างอาควีลาและปริสชีลลา มิใยใครจะทัดทานหรือถามเหตุผลอย่างไรก็ไม่ฟัง ยืนกรานเพียงคำเดียวว่า “แล้วจะรีบกลับมา” ขึ้นท่าซีซารียาได้ก็รีบหารถโดยสารไปอันทิโอกทันที ทำธุระที่อันทิโอกเสร็จก็รีบเดินทางกลับไปยังเอเฟซัสตามสัญญา
ระหว่างที่เปาโลจากเอเฟซัสไปนั้น อาควีลาและปริสชีลลายังคงทำธุระอยู่ที่เอเฟซัสต่อไปยังไม่เสร็จ ระหว่างนั้นมีชาวยิวคนหนึ่งชื่ออปอลโล(Apollo) มีนิวาสถานอยู่ที่อเล็กซานเดรีย มีความกระตือรือร้นจะพบเปาโลให้ได้ แต่ก็ผิดหวัง มีคนแนะนำให้ไปพบอควีลาและปริสชีลลาซึ่งขณะนั้นยังทำธุรกิจของตนอยู่ที่เมืองเอเฟซัส สามีภรรยาได้ช่วยกันชี้แจงและไขข้อข้องใจจนเป็นที่พอใจ เขาแสดงเจตจำนงจะไปประกาศพระเมสสิยาห์ที่โครินธ์และภาคใต้ของดินแดนกรีซ คริสตชนแห่งเอเฟซัสก็ให้กำลังใจและสนับสนุนพร้อมทั้งเขียนจดหมายไปฝากฝังมิตรสหายที่นั่นให้ช่วยกันต้อนรับ ทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบร้อยน่าอบอุ่นใจ เป็นตัวอย่างดีแก่คริสตชนอื่นๆ

เบื้องหลังเมืองเอเฟซัส
ดินแดนแห่งนี้มีหลักฐานว่าเคยมีมนุษย์ยุคหินอาศัยอยู่ซึ่งพัฒนามาเป็นชาวแคร์เรียน(Carrian)และชาวเลลเลอจิ(Lelege) ต่อมามีชาวกรีกเผ่าอารยันสายอโอว์เนียน(Ionian)อพยพมาจากภาคกลางของกรีซหนีการรุกรานของเผ่าดอร์เรียนมาตั้งอาณานิคมแบ่งเป็น12นครรัฐ เอเฟซัสเป็น1ในกลุ่มนี้ มีภูมิลำเนาตามลุ่มแม่น้ำเคสเทอร์(Cayster)ซึ่งมีตะกอนมากทำให้ปากน้ำเลื่อนขยายลงไปในทะเลและตัวเมืองห่างไกลจากฝั่งมากยิ่งๆขึ้นถึง5-6กม.ในปัจจุบัน ปรัมปรากรีกเล่าว่าในราวก.ค.ศ.1000 อันโดรคลุส(Androclus)เจ้าชายจากเอเธนส์นำชาวเผ่าอโอว์เนียนมาก่อตั้งอาณานิคมทั้ง12 รวมทั้งเอเฟซัสด้วย พวกเขาพบว่าชาวพื้นเมืองนับถือเจ้าแม่ธรณีอยู่แล้วจึงผนวกเข้าเป็นเทวีอาร์เถอเมิส(Artemis)ของตน คือ รับนับถือเจ้าแม่ธรณีของชาวพื้นเมืองเป็นเทวีอาร์เถอเมิสโดยปรับปรุงแท่นบูชาของเจ้าแม่เป็นวิหารเทวีอาร์เถอเมิสโดยช่างฝีมือเคอร์ซายฟรัน(Chersiphron) ก.ค.ศ.500 กษัตริย์โครซุสยกทัพมายึดเอเฟซัส ได้มาคารวะเจ้าแม่และปฏิสังขรณ์ ต่อมาได้มีการปฏิสังขรณ์อีกหลายครั้งจนวิหารนี้กลายเป็น1ใน7สิ่งมหัศจรรย์ของโลกโบราณ
จากการขุดค้นศึกษาวัตถุโบราณ นักโบราณคดีเชื่อว่าเอเฟซัสสมัยหนึ่งมีความสำคัญไม่แพ้โรม เอเธนส์ ปอมเปย์
ความสำคัญสำหรับชาวคริสต์นั้น นอกจากเปาโลหรือเซนต์พอลจะได้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษโดยอยู่คลุกคลีกับพวกเขาเป็นเวลาไม่น้อยกว่า3 ปี ได้ใช้เวลาดังกล่าวทบทวนตรึกตรองผลงานที่ทำไปแล้วและเพ่งเล็งไปสู่อนาคตในฐานะที่เป็นคริสตจักรที่ตนได้วางรากฐานไว้โดยเขียนลงเป็นลายลักษณ์อักษรเชิงแนะนำในรูปของจดหมายที่เขียนถึงชาวกาลาเทีย และจดหมายถึงชาวโครินธ์ นอกจากนั้นเมื่อเปาโลถึงแก่มรณภาพแล้ว ชาวคริสต์ยังเชื่อว่าเซนต์ยอห์นสาวกผู้มีอายุน้อยที่สุดของพระเยซูได้มาปักหลักปกครองคริสตจักรและเผยแผ่ข่าวดีที่นี่จนถึงค.ศ.100จึงถึงแก่มรณภาพที่นี่ด้วยโรคชรา ท่านได้นำพระแม่มารีย์พระมารดาของพระเยซูมาเลี้ยงดูจนถึงแก่มรณภาพที่นี่เช่นกัน และที่นี่เองที่ได้เป็นที่ประชุมสังคายนาในปีค.ศ.431 ที่ประกาศว่าพระเยซูทรงเป็นพระเจ้าอย่างสมบูรณ์และเป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์ ส่วนพระแม่มารีย์สมควรได้ชื่อว่าเป็นมารดาของพระเจ้าในฐานะผู้ให้กำเนิดพระเยซูซึ่งเป็นทั้งพระเจ้าและมนุษย์ แสดงว่าก่อนหน้านั้นเชื่อและสอนไม่ตรงกันและถกเถียงกันได้อย่างเสรีโดยไม่ถือว่าเป็นมิจฉาทิฐิ ตั้งแต่นั้นมาจึงจะได้ชื่อว่าเป็นพวกเนสทอร์เรียน (Nestorian)


Leave a comment