Anti-empiricism movement ขบวนการต่อต้านประสบการณ์นิยม
ผู้แต่ง : รวิช ตาแก้ว
ผู้ปรับแก้ : กีรติ บุญเจือ
นักดาราศาสตร์ของขบวนการนี้ไม่เชื่อประสบการณ์ เช่นไม่เชื่อว่าดวงอาทิตย์โคจรจากทิศตะวันออกสู่ทิศตะวันตก แต่เชื่อการคำนวณที่สอดคล้องกันตามทฤษฎีสหนัย (consistency) คนโบราณโดยโทเลมิเป็นกระบอกเสียง ยืนยันตามประสบการณ์ว่าดวงอาทิตย์โคจรรอบโลก แต่นักดาราศาสตร์ในศตวรรษที่ 14 เห็นว่า หากสมมติว่าโลกหมุนรอบตัวเองโดยมีแกนหมุนเสียบจากขั้วโลกเหนือดิ่งลงขั้วโลกใต้ ก็จะคำนวณดาราศาสตร์ได้สอดคล้องดีกว่า
เคอเพอร์นิเคิส(Nicholas Copernicus 1473-1543) ชาวโปแลนด์ เสริมว่า หากสมมุติว่าโลกหมุนรอบตัวเอง และโคจรรอบดวงอาทิตย์ในลักษณะหมุนรอบตัวเองเช่นนั้นด้วย จะคำนวณดาราศาสตร์ได้สอดคล้องยิ่งขึ้น เคอเพอร์นิเคิสแถลงไว้ในหนังสือชื่อ ว่าด้วยการโคจรของเท่ห์ต่าง ๆ ในท้องฟ้า (ลต.De RevolutionibusOrbiumCoelestium, 1543= On the Revolutions of the Celestial Bodies) ซึ่งเคอเพอร์นิเคิสอุทิศแด่สันตะปาปาพอลที่ 3 แต่เจ้าหน้าที่สำนักความเชื่อของสันตะสำนักระบุว่า การที่หนังสือเล่มนี้ระบุว่าทฤษฎีของตนเป็นสัจธรรมแน่นอนแล้ว เป็นการระบุเกินไป ให้แก้ไขเสีย จึงขึ้นทะเบียนเป็นหนังสือต้องห้าม(Index of the Prohibited Books) ไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ.1616 เมื่อเข้าใจกันดีแล้วก็ถอนออกตั้งแต่ปี ค.ศ.1758 เป็นต้นมา
ตีโค บราเฮ (ยร.Tycho Brahe 1546-1601) คัดค้านเคอเพอร์นิเคิสโดยยึดประสบการณ์เป็นหลักว่า ดวงอาทิตย์โคจรรอบโลก ส่วนดาวเคราะห์ต่าง ๆ โคจรรอบดวงอาทิตย์
เคพเลอร์ (ยร. Johann Kepler 1571-1630) เป็นลูกศิษย์ของตีโค แต่ไม่เห็นด้วยว่าเราต้องยึดประสบการณ์เป็นหลัก อย่างไรก็ตามยังเกรงใจอยู่ เมื่อตีโคถึงแก่กรรมแล้ว เคพเลอร์ก็กลับมาเชื่อตามเคอเพอร์นิเคิสว่าโลกและดาวเคราะห์โคจรรอบดวงอาทิตย์ และยังเสนอความคิดเพิ่มเติมด้วยว่า ที่โลกและดาวเคราะห์โคจรรอบดวงอาทิตย์อยู่ได้นั้นก็เพราะอาศัยวิญญาณที่มีพลังเคลื่อน (ลต. anima motrix = Moving Soul) ที่พุ่งเป็นรัศมีออกจากดวงอาทิตย์และหมุนไปรอบ ๆ พร้อมกับดวงอาทิตย์ เหมือนเรายื่นแขนออกไปถือผลส้มไว้ในมือและหมุนรอบตัวเอง ผลส้มก็จะโคจรรอบตัวเราไปเรื่อย ๆ ทั้งนี้ โดยอ้างว่าเดินตามความคิดที่เคอเพอร์นิเคิสเผยแพร่ไว้ในหนังสือสังเขปดาราศาสตร์(Epitome of the Copernican Astronomy, 1621)
เซอร์อายแซก นีวเทิน(Sir Isaac Newton 1642-1727) คิดว่าน่าจะมีวิธีอธิบายการโคจรของโลกและดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ได้ดีกว่าเคพเลอร์ แต่ก็คิดไม่ออกว่าจะอธิบายอย่างไรดี จนกระทั่งเห็นลูกแอพเพิลตกจึงนึกสมมุติฐานแรงดึงดูดต่อกันระหว่างเท่ห์ขึ้นมาได้ และเมื่อสมมุติแล้วก็สามารถคำนวณดาราศาสตร์ได้สอดคล้องกันอย่างกว้างขวาง


Leave a comment