Aquinas on theology เทววิทยาของอไควเนิส
ผู้แต่ง : กันต์สินี สมิตพันธ์
ผู้ปรับแก้ : กีรติ บุญเจือ
เทววิทยาคือวิชาว่าด้วยประมวลคำสอนของศาสนาที่พิสูจน์ได้ด้วยประกาศิตของคัมภีร์หรือของผู้มีอำนาจชี้ขาดในศาสนา แน่นอนว่าความหมายนี้เป็นความหมายตามความเข้าใจของอไควเนิส และเป็นความหมายที่ยอมรับกันในสมัยนั้น ในสมัยนี้เราเรียกว่าเทววิทยาปฏิฐาน (positive theology) อันเป็นส่วนหนึ่งของเทววิทยาตามความหมายปัจจุบัน และเป็นส่วนที่อ้างประกาศิตเท่านั้น อีกส่วนหนึ่งของเทววิทยาใช้เหตุผลพิสูจน์เหมือนปัญหาต่าง ๆ ของปรัชญา ตอนใดอ้างประกาศิตก็อธิบายให้เห็นด้วยว่าประกาศิตนั้นน่าเชื่ออย่างไร จึงนับเป็นส่วนหนึ่งของปรัชญาด้วย ดังนั้น เมื่อใช้คำนี้จึงต้องใช้ด้วยความระมัดระวังว่ามีความหมายอย่างไร ในภาษาไทยน่าจะใช้คำว่าศาสนศาสตร์มากกว่า เพราะมิได้กล่าวเฉพาะเรื่องพระเป็นเจ้า แต่ทว่ากล่าวถึงทุกปัญหาที่เกี่ยวกับศาสนา ซึ่งแยกออกเป็นศาสนศาสตร์ปฏิฐานและปรัชญาศาสนา ในทางปฏิบัติของอไควเนิสเองและของนักเทววิทยาทั่วไปในมหาวิทยาลัยในขณะนั้น เมื่อสอนเทววิทยาก็สอนทั้งเทววิทยาปฏิฐานและปรัชญาศาสนาควบคู่กันไป ดังปรากฏในหนังสือตำราประเภท สังเขป และปัญหาทั้งหลาย เช่น สังเขปเทววิทยา ของอไควเนิส เป็นต้น
สำหรับอไควเนืสเทววิทยาพิสูจน์โดยอ้างประกาศิตที่มีศรัทธาอยู่แล้ว ประกาศิตอาจจะเป็นคำสอนจากคัมภีร์หรือคำสอนของศาสนจักร อันได้แก่ ข้อตกลงของสังคายนา คำสอนของนักบุญและคำสอนของนักปราชญ์ซึ่งศาสนจักรคาทอลิกประกาศรับรู้
จะเห็นได้ว่า เทววิทยากับปรัชญากล่าวถึงเนื้อหาเดียวกันได้ และต่างก็ใช้เหตุผลพิสูจน์ตามหลักตรรกวิทยาเหมือนกัน ผิดกันที่ข้ออ้างเบื้องต้นเท่านั้น เพราะข้ออ้างเบื้องต้นของเทววิทยาได้แก่ ประกาศิตทางศาสนาซึ่งเชื่อได้ด้วยศรัทธา ความรู้โดยศรัทธาผิดกับความรู้เบื้องต้นอันเป็นอ้างของปรัชญาตรงที่ว่า ความรู้โดยศรัทธาจะต้องมีการเกลี้ยกล่อมจิตใจของตนเองให้เห็นว่า ความรู้นั้นมีคุณค่าสำหรับชีวิตของตนจึงปักใจยึดถือ ยิ่งปักใจยึดถือแน่นแฟ้นมากเท่าใดก็เรียกว่ามีศรัทธาแน่นแฟ้นมากเท่านั้น ความรู้โดยศรัทธาจึงเป็นเรื่องที่มีส่วนได้ส่วนเสีย ชีวิตระดับความรอดในโลกหน้าเป็นเรื่องสำคัญ จะเปลี่ยนแปลงปรับปรุงง่าย ๆ อย่างความรู้เบื้องต้นของปรัชญาไม่ได้ เพื่อจะมีความรู้เบื้องต้นอาจใช้แค่ประสาทสัมผัสและปัญญา แต่เพื่อจะมีศรัทธาต้องใช้ปัญญาและเจตจำนง เจตจำนงใช้สำหรับเกลี้ยกล่อมใจตนเองให้ปักใจ ความรู้โดยประกาศิตของเทววิทยาจึงแน่นแฟ้นกว่าความรู้เบื้องต้นของปรัชญาด้วยประการฉะนี้ยิ่งกว่านั้น อไควเนิสยังเสริมต่ออีกว่า ผู้ใดมีศรัทธาจะได้รับพระหรรษทาน (divine grace) ย้ำให้ศรัทธาปักแน่นยิ่งขึ้นเป็นทวีคูณ อไควเนิสจึงเห็นว่า เทววิทยาเป็นวิชาที่ประเสริฐสูงส่งที่สุด ปรัชญาได้เป็นสาวใช้ของเทววิทยาก็นับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งแล้ว
อย่างไรก็ตาม อไควเนิสถือว่าก่อนที่ใครคนหนึ่งจะปักเจตจำนงปลงใจมีศรัทธาต่อคำสอนของศาสนาใด ก็ย่อมจะต้องเล็งเห็นความน่าเชื่อ (credibility) เสียก่อนมิฉะนั้นก็คงจะไม่ยอมรับภาระ เพราะเรื่องศรัทธาเป็นเรื่องที่บังคับกันไม่ได้ หากจะข่มขู่กันจริง ๆ ก็จะได้แต่การเสแสร้งภายนอกเท่านั้น เจตจำนงกลับจะเป็นปฏิปักษ์ต่อต้านเสียด้วยซ้ำ ความน่าเชื่อดังกล่าวอไคเนิสเรียกว่า ข้อนำศรัทธา (ลต. Praeambulafidei = preamble fo faith) ซึ่งจะมาจากประกาศิตไม่ได้ แต่จะต้องมาจากแดนปรัชญา


Leave a comment