Philosopher’s Stone ศิลาของนักปรัชญา
ผู้แต่ง : รวิช ตาแก้ว
ผู้ปรับแก้ : กีรติ บุญเจือ
เทคโนโลยีไม่ใช่วิทยาศาสตร์และไม่สนใจสร้างระบบเครือข่ายของความรู้ แต่เป็นการประยุกต์วิทยาศาสตร์เพื่อทำให้เกิดปรากฏการณ์ใหม่ ซึ่งอาจจะให้คุณหรือให้โทษ หรือทั้งให้คุณและให้โทษ หรือยังไม่รู้จะให้คุณหรือให้โทษอย่างไรก็ได้
ฉันใดก็ฉันนั้น ไสยศาสตร์ไม่ใช่ตำนานปรัมปรา (myth) และไม่สนใจสร้างระบบเครือข่ายของผลงานของตน แต่เป็นการประยุกต์ความปรัมปรา (mythology) เพื่อทำให้เกิดปรากฏการณ์ใหม่ ซึ่งอาจจะให้คุณหรือโทษ หรือให้ทั้งคุณและโทษ หรือยังไม่รู้จะให้คุณหรือโทษอย่างไรก็ได้
ไสยศาสตร์แบ่งออกเป็น 2 แขนง คือ โหราศาสตร์และอัลเคมี โหราศาสตร์มุ่งความสนใจที่การพยากรณ์อนาคตอย่างมีกฎมีเกณฑ์แบบเดียวกับเทคนิค จึงไม่คิดจะอ้างระบบเครือข่ายใดมาสนับสนุนกฎเกณฑ์ของตน แต่จะพอใจอิงกฎเกณฑ์กับตำนานปรัมปรา เช่น “พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก” เป็นต้น
ส่วนอัลเคมีซึ่งต่อมาจะนิยมเรียกว่า ไสยศาสตร์ดำ (black magic) และคาถาอาคม (witchcraft) ก็จะพอใจอิงกฎเกณฑ์กับเคล็ดลึกลับ เช่น Philosopher’s stone (หินนักปรัชญา) เป็นต้น
ทั้งหมดนี้มีลักษณะคล้ายเทคโนโลยี คือมีกฎเกณฑ์เป็นหลักปฏิบัติ แต่กฎเกณฑ์เหล่านี้ไม่อาจจะพิสูจน์ได้ด้วยตรรกวิทยาของแอเริสทาเทิล จึงไม่ได้รับการยอมรับจากคริสต์จักรยุคกลางและสมัยฟื้นฟู ทั้งมิอาจจะทดสอบได้ด้วยวิธีการวิทยาศาสตร์ จึงไม่ได้รับการยอมรับจากขบวนการพุทธิปัญญาและนักวิทยาศาสตร์ ปฏิฐานนิยม
