Tertullian, Quintus Septimius Florens เถอร์เทิลเลียน
ผู้แต่ง : กันต์สินี สมิตพันธ์
ผู้ปรับแก้ : กีรติ บุญเจือ
เถอร์เทิลเลียน (Quintus Septimius Florens Tertullian 160?-230?) เกิดจากตระกูลขุนนางโรมัน บิดาเป็นนายทหารประจำการที่คาร์เถจเถอร์เทิลเลียนจึงไปเกิดที่นั่น ได้ศึกษากฎหมายที่กรุงโรม ประกอบอาชีพทนายความที่คาร์เถจ แต่งงานกับกุลสตรีคริสต์ ตนเองได้กลับใจนับถือศาสาคริสต์ด้วยและมีตำแหน่งเป็นบาทหลวงอธิการโบสถ์ ได้เขียนหนังสือมากมายเพื่อป้องกันและอธิบายคริตศาสนา ได้ชื่อว่าเป็นผู้ก่อตั้งสำนักปิตาจารย์ละติน (School of the Latin Fathers) เพราะเป็นผู้ริเริ่มใช้ศัพท์ละตินสำหรับอธิบายปรัชญาคริสต์ โดยเลียนแบบศัพท์กรีกและให้ความหมายแบบคริสต์แก่ศัพท์ละตินที่มีความหมายเดิมอยู่แล้ว ปัญหาสำหรับเทอร์เทิลเลียนก็คือ จะใช้วัฒนธรรมละตินผสมผสานกับวัฒนธรรมกรีกอธิบายคริสตศาสนาได้อย่างไร แนวคำตอบก็คือ จะต้องพยายามอธิบายคริสต์ศาสนาด้วยปรัชญากรีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งปรัชญาลัทธิสทาอิกตามวิถีทางของกฎหมาย จึงกล่าวได้ด้วยว่า เทอร์เทิลเลียนเป็นผู้ริเริ่มลัทธิกฎนิยม (legalism) ในหมู่ปิตาจารย์ตะวันตก ซึ่งจะถ่วงดุลกับแนวโน้มทางฌานนิยม (mysticism) ของปิตาจารย์ตะวันออก
ญาณปรัชญา วิญญาณเป็นผู้รู้ที่อาศัยร่างกายเป็นเครื่องมือ เนื่องจากวิญญาณไม่มีองค์ประกอบ สมรรถภาพรู้ต่าง ๆ จึงมิใช่ส่วนต่าง ๆ หรือองค์ประกอบของวิญญาณ หากแต่เป็นการทำหน้าที่ต่าง ๆ ของสมรรถภาพเดียวของวิญญาณ คือ สมรรถภาพรู้ วิญญาณรู้สสารโดยทางประสาทสัมผัสและรู้จิตใจโดยปัญญา ปัญญายังไม่ใช้วิญญาณ แต่เป็นเพียงเครื่องมือคิดของวิญญาณเท่านั้น วิญญาณเป็นผู้ใช้เครื่องมือและใช้ได้อย่างเสรี วิญญาณจึงต้องรับผิดชอบการกระทำทุกอย่างของร่างกาย ความรู้โดยประสาทสัมผัสและโดยปัญญาเชื่อถือได้เสมอ รู้อะไรแล้วไม่เคยผิดพลาด ความผิดพลาดเริ่มเกิดที่การตัดสิน (judgment) และการอ้างเหตุผล (argument) ด้วยวิธีการของมนุษย์ เราจึงไม่อาจรู้ได้ถึงขั้นแน่ใจว่าข้อตัดสินหรือข้ออ้างเหตุผลใดจริง นอกจากพระเป็นเจ้าจะทรงเปิดเผยให้โดยวิวรณ์ (revelations) ดังนั้นวิวรณ์จึงเป็นมาตรการสุดท้ายชี้ขาดความจริง สูตร “ฉันเชื่อเพื่อเข้าใจ” จึงเริ่มในสำนักปิตาจารย์ละตินจากเทอร์เทิลเลียนเป็นต้นมา เทอร์เทิลเลียนแสดงจิตตารมณ์ของนักกฎหมายอย่างชัดเจนในเรื่องนี้ด้วย โดยแถลงว่า วิวรณ์เป็นมาตรการเด็ดขาดซึ่งทุกคนจะต้องเชื่อ ทั้ง ๆ ที่ไม่เข้าใจและไม่เห็นเหตุผล ทั้งนี้เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีต่อพระเป็นเจ้าผู้ประสาทวิวรณ์ ดังนั้น ข้อความเชื่อยิ่งไม่น่าเชื่อยิ่งพิสูจน์ความจงรักภักดี ผู้มีความจงรักภักดีเข้มแข็งย่อมได้ความดีความชอบมาก นี่คือความหมายของการมีศรัทธาในทรรศนะของเทอร์เทิลเลียน ซึ่งขัดแย้งกับเคลเมินท์แห่งเอลิกแซนเดรียและปิตาจารย์ตะวันออกที่ถือหลักว่า “ฉันเข้าใจเพื่อเชื่อ” และมีแนวโน้มทางใช้ปัญญาจนถึงขั้นการเข้าฌาร
ปรัชญาจิต เทอร์เทิลเลียนเป็นผู้ริเริ่มปรัชญาจินในคริสตศาสนาก็ว่าได้ เพราะก่อนหน้านั้นไม่มีใครถกปัญหานี้มาก่อนเลย เทอร์เทิลเลียนคิดเหมือนสำนักสทาอิกว่า จิตเป็นสิ่งตรงข้ามกับสสาร พระเป็นเจ้าเป็นเทห์ที่ละเอียดอ่อนที่สุด ทูตสวรรค์และปิศาจเป็นเทห์ที่หยาบขึ้น วิญญาณของมนุษย์เป็นเทห์ที่หยาบขึ้นไปอีก วิญญาณแทรกอยู่ในช่องว่างของร่างกาย อาศัยร่างกายเหมือนคนอาศัยเรือ จุดที่วิญญาณบังคับร่างกายอยู่ที่หัวใจ เหตุผลที่เทอร์เทิลเลียนคิดว่าจิตเป็นเทห์ก็คือ 1) บางคนได้เคยเห็นพระเป็นเจ้า ทูตสวรรค์และปิศาจในสภาพปรากฏมีรูปร่างเหมือนคน 2) วิญญาณกับร่างกายมีกิริยาอาการถึงกันได้ 3) ถ้าไม่เป็นเทห์ก็มีอยูไม่ได้เพราะ “ไม่มีอะไรมีอยู่ได้เว้นแต่เทห์” (De Anima. 7) (เทียบอาเรอเกิน หน้า 52)
ธรรมชาติของจิตก็คือไม่มีองค์ประกอบ (simple) และแบ่งเป็นส่วน ๆ ไม่ได้ (indivisible) แต่ทว่ามีปริมาตรเพราะมีรูปร่าง เรื่องนี้นักวิจารณ์พากันไม่เข้าใจว่า จะเข้ากันได้อย่างไร เทอร์เทิลเลียนมิได้ชี้แจงไว้ แต่เราอาจจะช่วยเทอร์เทิลเลียนได้โดยชี้แจงว่า แม้จิตจะมีรูปร่างก็ไม่ใช่รูปร่างอย่างสสาร จึงไม่จำเป็นต้องเดินตามกฎของสสาร จะเอากฎของสสารมาคัดค้านไม่ได้
ปรัชญาการเมือง พระมหาจักรพรรรดิแม้จะไม่นับถือพระเป็นเจ้า ก็ได้รับอำนาจการปกครองโดยตรงมาจากพระองค์นั่นเอง คริสตชนจึงมีหน้าที่ต้องยอมรับรู้อำนาจของรัฐที่ชอบธรรม โดยมีความจงรักภักดี ความซื่อสัตย์สุจริต และโดยการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งภาวนาอุทิศแก่ผู้รับผิดชอบรัฐ
