ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอปท (26)
ณ เวลานั้น…
วันศุกร์ที่11 พฤศจิกายน พ.ศ.2559 เวลา 13.31 น. ผมลงจากรถไฟฟ้าสายBTS สถานีสีลม เพื่อเข้าโรงพยาบาลจุฬาฯตามหมอนัด ขณะเดินบนสถานีรถไฟลอยฟ้าอยู่นั้น สายตาทอดไปบนโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ของธนาคารไทยพาณิชย์…สะดุดตา…สะดุดใจ…สะดุดความคิด
“สืบพระราชปณิธาน สานศรัทธา
ตามรอยแห่งปรัชญา พ่อแผ่นดิน”
สืบพระราชปณิธาน สานศรัทธา
ปุจฉา: ทำอย่างไรพระปณิธานของพ่อหลวงจะขยายผลและผลิตผลต่อไปอย่างมิรู้วาย
วิสัชนา: ต้องวิจัย เผยแพร่ ทำให้ดู อบรม ประเมินผล
ปรัชญา
ในภาษาไทยเข้าใจกันอย่างนานาจิตตัง ดังต่อไปนี้
- คำคม เช่น “ผู้ที่รู้ว่าไม่รู้นั่นแหละรู้”
- ความคิดแปลกๆ เช่น 1 + 1 = 1 ก็ทราย 1 กองรวมกับทรายอีก 1 กอง ได้ทราย 1 กอง
- เป้าหมาย เช่น ปรัชญาของโรงเรียนนี้คือ รู้จริงทำจริง
- วิธีการ เช่น เรียนรู้จากการลองทำ
- ความคิดใหม่ เช่น ปรัชญาของไอน์สไตน์
- ความคิดใหม่ที่ไม่สังกัดวิชาอื่นๆ เช่น ประวัติปรัชญาตะวันตก
- ปรัชญาบริสุทธ์ (pure philosophy) อันได้แก่ความเชื่อมั่นที่ปัญญาของแต่ละคนให้แก่ความรู้ภายนอกปัญญาอย่างรวมๆ (=reality ความเป็นจริง) รวมกับเกณฑ์ความจริง (= criterium of truth) อย่างรวมๆภายในปัญญาเอง ซึ่งก็มีคุณภาพต่างกันในแต่ละคนที่ยอมรับเป็นเกณฑ์อย่างอิสระในฐานะเป็นมโนธรรมของปัญญา (intellectual conscience) บางคนจึงเรียกว่าเป็นสัญชาตญาณของปัญญา เพราะมีมาควบคู่กับปัญญาและทำการทุกครั้งที่ปัญญาทำการ เมื่อทำสำเร็จก็มีความสุข และหากไม่สำเร็จก็อึดอัดมีปฏิกริยาเรียกร้อง นอกจากจะถูกระงับด้วยพลังที่เหนือกว่า
ปรัชญาบริสุทธ์ เป็นสมบัติส่วนตัวของแต่ละเปัญญา เมื่อแสดงออกนอกปัญญาให้ผู้อื่นรับรู้ได้ก็เรียกว่ากระบวนทรรศน์ (paradigm) และเมื่อนำไปใช้ในบริบทต่างๆก็เป็นการประยุกต์ หากประยุกต์ออกมาเป็นคำบรรยายเชื่อมโยงกับปรัชญาบริสุทธิ์ก็เรียกว่าปรัชญาประยุกต์ (applied philosophy) หากไม่แสดงความเกี่ยวข้องกับปรัชญาบริสุทธิ์เลยก็ถือว่าเป็นวิชาอิสระเรียกชื่อวิชาตามเนื้อหาที่สนใจรู้ เนื่องจากกระบวนทรรศน์ปรัชญาดังกล่าวข้างต้น มีการพัฒนามาเป็น 5 ระดับในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ โดยมีคุณภาพต่างกันเป็นกระบวนทรรศน์ที่ 1-5 ซึ่งแต่ละคนมีสิทธิ์และเสรีภาพที่จะพอใจในกระบวนทรรศน์ใดกระบวนทรรศน์หนึ่ง หากไม่พอใจก็แสวงหากระบวนทรรศน์อื่นหรือกระบวนทรรศน์ใหม่จนกว่าจะพอใจ และเนื่องจากปรัชญาบริสิทธิ์เป็นสัญชาตญาณของปัญญา จึงต้องใช้กระบวนทรรศน์ใดกระบวนทรรศน์หนึ่งในการคิดและ/หรือตัดสินใจในแต่ละครั้ง จะคิด/ตัดสินใจโดยไม่มีกระบวนทรรศน์เป็นกรอบไม่ได้เลย ฌองปอลซาตร์จึงได้ฟันธงไว้ว่า “มนุษย์ถูกสาปให้มีเสรีภาพในการตัดสินและตัดสินใจ” ก็ด้วยประการฉะนี้
สรุปได้ว่ากระบวนทรรศน์เป็นการแสดงออกภายนอกของปรัชญาบริสุทธ์ซึ่งเป็นผลจากการเลือกเชื่อของปัญญามนุษย์ตามความสนใจของ แต่ละคน ทั้งปรัชญาบริสุทธิ์และกระบวนทรรศน์จึงเป็นฐานหรือบ่อเกิดให้เกิดความเชื่อมั่นในเรื่องอื่นๆต่อไปอย่างไม่รู้จบ
