บรรพตี รำพึงนิตย์ …ศศ.ม. ปรัชญาและจริยศาสตร์
พุทธศาสนามหายานมีคณาจารย์ผู้ทรงเกียรติคุณ เช่น คุรุนาคารชุน (พ.ศ.693-793) ท่านเป็นผู้สร้างปรัชญามหายานนิกายศูนยวาท (คำสอนเป็นศูนย์กลาง) หรือมาธยมิกะ (ทางสายกลาง) โดยใช้ระบบวิภาษวิธี (Dialectics) ในการอธิบายทฤษฏีความสัมพันธ์ของสาเหตุ-ผล (cause-effect relationship) หรือปฏิจจสมุปบาท (dependent origination) ระบบวิภาษวิธีของนิกายศูนยวาท เป็นศาสตร์ในการอภิปราย/อธิบายด้วยหลักตรรกวิทยา (reasoning เหตุผล)
ต่อมาในพุทธศตวรรษที่ 9 เกิดคณาจารย์ฝ่ายมหายานที่สำคัญอีก 2 ท่าน เป็นพี่น้องกัน คือ คุรุอสังคะ และคุรุวสุพันธุ ผู้ให้กำเนิดปรัชญามหายานนิกายวิชญาณวาท (คำสอนที่ชาญฉลาด) หรือโยคาจาร (ผู้ประพฤติกระตือรือล้นในการไต่สวนอันดีงาม) มีแนวคิดว่า สิ่งทั้งหลายเป็นภาพมายาสะท้อนเงาออกไปจากจิตภายใน นับเป็นปรัชญาฝ่ายมโนคตินิยม (Idealism)
นิกายภูตตถตา เชื่อว่า สรรพสิ่งล้วนมีมูลมาจากภูตตถตา หรือมาจากตถาคตครรภ์ หรือธรรมธาตุ ภาวะสมบูรณ์จริงแท้เป็นรากฐานของสากลจักรวาล ภาวะนี้เรียกภูตตถตา (Transcendental Subject) ซึ่งตรงกับจิตสากล (Universal Mind) เช่น นิกายอวตังสกะ หรือนิกายนิพพาน
ปรัชญาของพุทธมหายาน เน้นการมองว่าทุกอย่างว่างไปหมด ทั้งปัจจัยก็ว่าง เป็นความว่างที่สัมบูรณ์ครอบคลุม แนวคิดนี้มองว่าเป็นมหายานฝ่ายล่าง ในขณะที่อีกฝ่ายเน้นว่ายังมีอยู่ แต่เป็นอยู่เช่นนั้น (ตถตา) เป็นจิตเดิมแท้ ว่างก็ไม่ใช่ มีก็ไม่เชิง เรียกว่า มหายานฝ่ายบน โดยถือได้ว่ามี 3 สาขาใหญ่ คือ ปรัชญานิกายศูนยวาท, ปรัชญานิกายวิชญาณวาท และ ปรัชญานิกายภูตตถตา ส่วนในหลักการปฏิบัตินั้นปฏิบัติเหมือนกัน คือ การบำเพ็ญบารมี 6 การมีคุณสมบัติ 3 คุณธรรม 4 และมุ่งอุดมคติ 4 ประการ
หลักปฏิบัติของมหายานมุ่งการก้าวเข้าสู่มรรคาโพธิสัตว์เพื่อไปให้ถึงอนุตรสัมมาสัมโพธิ มาจากแนวคิดที่ว่า จักรวาลอันกว้างใหญ่จำเป็นต้องมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทางสายนี้เหมาะสมกับผู้ที่มีความกรุณา เป็นผู้เสียสละและมีความกล้าหาญ ด้วยเหตุที่ทางสายนี้ยาวไกลมาก ผู้ปฏิบัติจึงต้องสั่งสมบารมีที่มิใช่เพียงเพื่อการพ้นทุกข์ส่วนตนเท่านั้น แต่จะต้องนำพาสรรพสัตว์ข้ามทะเลแห่งการเวียนว่ายตายเกิดด้วยการแสดงธรรม ด้วยกรรมดี ด้วยการอุทิศบุญ และด้วยการตอบสนองต่อผู้สวดอธิษฐาน ความกรุณา (ความปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์) จึงเป็นคุณธรรมที่ถือเป็นหัวใจหลักของพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน เพราะกรุณาเป็นแรงจูงใจที่เกื้อหนุนมรรคาพระโพธิสัตว์ เป็นหัวใจของโพธิจิตหรือจิตที่ตื่นรู้
ลักษณะสำคัญของทรรศนะแบบมหายาน
ความกรุณา คือ ความปรารถนาที่จะบรรเทาทุกข์ของผู้อื่น สนับสนุนผู้อื่นให้เดินในทางธรรมเพื่อลดทอนความทุกข์ที่เกิดขึ้น ช่วยสงเคราะห์ผู้อื่นบนเส้นทางแห่งความรู้แจ้งหรือโพธิจิตเพื่อดับทุกข์ทั้งปวงให้สิ้น ความกรุณาเป็นหัวใจของโพธิจิตซึ่งเป็นจิตที่ตื่นรู้หรือความปรารถนาที่จะบรรลุพุทธภาวะ
โพธิจิต คือ ความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่มาจากก้นบึ้งของจิตใจที่อยากจะให้ทุกชีวิตได้เข้าถึงการหลุดพ้นเป็นความสุขอันนิรันดร์ โพธิจิตจะเกิดขึ้นเมื่อละวางความยึดมั่นในความสุขเฉพาะตน และเกิดปัญญาที่มองเห็นธรรมชาติของความเป็นจริง โพธิจิตเป็นคุณลักษณะที่สำแดงออกมาเมื่อดำเนินบนเส้นทางของโพธิสัตว์ ซึ่งเป็นทางของผู้ที่อุทิศตนและทุ่มเทเพื่อการบรรลุหนทางแห่งการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทางสู่การพัฒนาคุณลักษณะแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้ยาวไกลกว่าเส้นทางของพระอรหันต์มาก จำเป็นต้องมี “มหากรุณา” เพื่อที่จะไม่ย่อท้อต่อการเดินทาง
บารมี 6 มหายานได้ให้ความสำคัญกับบารมี 6 ประการ คือ ทาน ศีล ขันติ วิริยะ ฌาน ปัญญา โดยพิจารณาเป็น 3 คู่ ได้แก่ ทานกับศีลเป็นคู่ปรับของโลภะ ขันติกับวิริยะเป็นคู่ปรับของโทสะ ฌานกับปัญญาเป็นคู่ปรับของโมหะ พระโพธิสัตว์จะต้องบำเพ็ญบารมี 6 ให้สมบูรณ์
คุณสมบัติ 3 เป็นหลักการถึงคุณสมบัติของพระโพธิสัตว์ ได้แก่
1) มหาปรัชญา หรือปัญญาอันยิ่งใหญ่ ในการเข้าใจและอธิบายหลักอนัตตา แต่นิยมเรียกว่า “ศูนยตา” บุคคลจะพ้นทุกข์ได้ก็ด้วยการเข้าถึงศูนยตา ซึ่งจะต้องเป็นผู้มีปัญญาเห็นแจ้งในสัจธรรม ไม่เป็นทาสของกิเลส เป็ญการบำเพ็ญตนให้ถึงพร้อม
2) มหากรุณา คือ เป็นผู้มีจิตใจกรุณาต่อสัตว์ทั้งหลายอย่างปราศจากขอบเขต มุ่งช่วยเหลือสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์ ได้แก่ การตั้งโพธิจิตมุ่งสู่พุทธภูมิ ในขณะที่ยังมิได้บรรลุพุทธภูมิก็จะสร้างสมบารมีไปเรื่อย ๆ โดยเน้นบำเพ็ญบารมี 6 ประการ เป็นการบำเพ็ญตนเพื่อผู้อื่น
3) มหาอุปาย เป็นผู้มีปัญญา ประกอบด้วยอุบายอันเป็นกุศลในการช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นทุกข์ มีไหวพริบ ปฏิภาณ มีวิธีการอันชาญฉลาดในการแนะนำสั่งสอนผู้อื่นให้เข้าถึงสัจธรรม เป็นการบำเพ็ญตนเพื่อผู้อื่น
คุณธรรม 4 เป็นหลักดำเนินไปสู่ “อัปปมัญญา” ได้แก่
- เมตตา ความรักใคร่ปรารถนาจะให้เป็นสุข
- กรุณา ความเอ็นดูสงสาร คิดจะช่วยให้พ้นทุกข์
- มุทิตา ความพลอยยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี
- อุเบกขา ความวางเฉย ไม่ดีใจ ไม่เสียใจ วางใจเป็นกลาง
อุดมคติ 4 พุทธบริษัทฝ่ายมหายานจะมีเป้าหมายสูงสุด 4 ประการ คือ
- เราจะละกิเลสให้หมด
- เราจะศึกษาสัจธรรมให้จบ
- เราจะช่วยโปรดสัตว์ทั้งหลายให้สิ้น
- เราจะบรรลุพระพุทธภูมิอันประเสริฐ
ส่วนแนวคิดสุขาวดีและพิธีโยคกรรมธารณีของพุทธตันตระ (ยกเว้นปรัชญา) เข้ากันได้กับทุกสาย ทั้งนี้ สุดแล้วแต่ผู้นับถือจะเป็นฝักฝ่ายในปรัชญาฝ่ายใดก็อธิบายเรื่องสุขาวดีหรือเรื่องมนต์อาคมไปตามทรรศนะของตนได้
หลักธรรมของนิกายมหายานโดยส่วนใหญ่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับนิกายเถรวาท (หีนยาน) สอนเรื่องอริยสัจ 4 และมีข้อปฏิบัติคือ ศีล สมาธิ ปัญญา มีจุดมุ่งหมายอย่างเดียวกันคือ ความหลุดพ้น แต่ส่วนที่แตกต่างกันนั้นอยู่ตรงที่นโยบายกับวิธีการเผยแผ่ ฝ่ายมหายานจึงบัญญัติพิธีกรรมและจารีตแบบแผนต่าง ๆ ขึ้นมากมาย เพื่อเป็นกุศโลบายชักจูงให้ประชาชนเลื่อมใส
บางส่วนจาก บรรพตี. รำพึงนิตย์. (2563). การพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักปรัชญาปารมิตาในทรรศนะปรัชญาหลังนวยุคสายกลาง. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา.

