ร่มธง สินธุประสิทธิ์:

คุณภาพชีวิต (quality of life; QOL) หมายถึง ชีวิตที่ดีอย่างหนึ่ง (a good life) ซึ่งแนวคิดเรื่องชีวิตที่ดีสามารถพิจารณาได้จากแถบกลุ่มทางความคิด (thought spectrum) จากหลายทรรศนะ ทำให้มีการแบ่งคุณภาพชีวิตเป็นกลุ่มอย่างหลวม ๆ และมีแนวโน้มที่จะทับซ้อนกัน ได้แก่

  1. คุณภาพชีวิตเชิงอัตวิสัย (the subjective quality of life)
  2. คุณภาพชีวิตเชิงอัตถิภาวะ (the existential quality of life)
  3. คุณภาพชีวิตเชิงปรวิสัย (the objective quality of life)

โดยแถบกลุ่มทางความคิดเหล่านี้ได้รวมเอาหลักการเกี่ยวกับคุณภาพชีวิตด้านต่าง ๆ เข้าไว้ด้วยกัน จึงได้ชื่อว่าทฤษฎีคุณภาพชีวิตเชิงบูรณาการ (the integrative quality-of-life theory หรือ the IQOL theory)

สำหรับหลักการต่าง ๆ เกี่ยวกับคุณภาพชีวิตตามทฤษฎีนี้ ประกอบด้วย

  1. สุขภาวะ (well-being)
  2. ความพึงพอใจกับชีวิต (satisfaction with life)
  3. ความสุข (happiness)
  4. ความหมายในชีวิต (meaning in life)
  5. ระเบียบทางชีวภาพหรือระบบข้อมูลทางชีวภาพ (biological order หรือ the biological information system)
  6. การตระหนักถึงศักยภาพของชีวิต (realization of life potential)
  7. การตอบสนองความต้องการ (fulfillment of needs)
  8. ปัจจัยเชิงปรวิสัยอื่น ๆ (objective factors) เช่น บรรทัดฐานทางวัฒนธรรม (cultural norms)

เมื่อนำทฤษฎีนี้มาพิจารณาคุณภาพชีวิตเพื่อพิจารณาในเชิงบูรณาการก็จะพบว่า การเข้าใจถึงความเชื่อมโยงระหว่างความสุขและคุณภาพชีวิตเช่นนี้ จะทำให้เห็นความสุขของผู้คนในภาพที่กว้างขึ้น และทำให้ตระหนักถึงคุณภาพชีวิตของผู้คนอย่างเป็นองค์รวมได้

หลังจากที่ใช้ชีวิตในวัยผู้ใหญ่ประกอบอาชีพหรือทำงานมาอย่างยาวนาน ผู้คนในวัยสูงอายุย่อมต้องการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขหลังจากเกษียณอายุ (ทำงาน) ความสุขของผู้สูงอายุจึงมีความสัมพันธ์อย่างแนบแน่นกับการวางแผนเพื่อวัยเกษียณของวัยผู้ใหญ่ อย่างไรก็ตาม หนึ่งในเป้าหมายของการวางแผนเพื่อวัยเกษียณก็คือ เพื่อรักษามาตรฐานคุณภาพชีวิตในช่วงหลังเกษียณ ประเด็นความสุขของผู้สูงอายุจึงเกี่ยวข้องกับคุณภาพชีวิต โดยความสุขของผู้สูงอายุถือเป็นส่วนหนึ่งของคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุเชิงอัตวิสัย และจำเป็นต้องพิจารณาให้เห็นความเชื่อมโยงอย่างชัดเจน ไม่เป็นเพียงคำสวยงามที่ว่างเปล่า

นอกจากนี้ ปัจจุบันมีแนวคิดมากมายเกี่ยวกับความสุขของผู้สูงอายุเนื่องจากโลกกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ มีการตีความเรื่องความสุขของผู้สูงอายุด้วยทรรศนะที่แตกต่างกันไปผ่านผู้รับคำปรึกษาและนักวางแผนเพื่อวัยเกษียณ การมีความเข้าใจความสุขของผู้สูงอายุที่ถูกต้อง เหมาะสม จะทำให้การพูดคุยเพื่อจริยธรรมการดูแล (Ethics of care) เกิดขึ้นได้ในสังคม

กระบวนทรรศน์หลังนวยุคสายกลาง (moderate postmodern paradigm) มองความสุขของผู้สูงอายุในแง่มุมที่มุ่งสู่จุดหมายปลายทาง (final goal) ที่เป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของวัยเกษียณเป็นสำคัญ ทั้งยังเห็นความสาคัญของหลักการเกี่ยวกับคุณภาพชีวิตด้านอื่น ๆ ของผู้สูงอายุอีกด้วย เช่น สุขภาวะ ความรื่นรมย์ในชีวิต ความพึงพอใจกับชีวิต ความหมายในชีวิต การตระหนักถึงศักยภาพของชีวิต การตอบสนองความต้องการ ความสงบสุข เพราะตระหนักดีว่าแง่มุมต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนเชื่อมโยงกับความสุขของผู้สูงอายุและร่วมกันส่งเสริมให้มีการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้เกษียณอายุอันเป็นเป้าหมายหลัก

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากหลักการเกี่ยวกับคุณภาพชีวิตด้านอื่น ๆ หลายประการมีส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเงิน ทำให้ความสุขของผู้สูงอายุซึ่งเชื่อมโยงหรือทับซ้อนกับหลักการดังกล่าวมีส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเงินด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ แนวคิดเรื่องความสุขของผู้สูงอายุตามแนวทางปรัชญาหลังนวยุคสายกลางจึงทำให้เกิดการตระหนักว่า ความสุขในช่วงหลังเกษียณนั้นมีทั้งที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องกับตัวเงิน นำไปสู่การวางแผนสร้างรายได้และแผนการใช้จ่ายหลังเกษียณที่มีเป้าหมายจำนวนเงินไม่มากจนเกินจำเป็น อยู่ในระดับพอเพียงตามเกณฑ์ของแต่ละปัจเจกบุคคลนั้น

ปรัชญาหลังนวยุคสายกลางเน้นย้าถึงการดำรงชีวิตที่มีความกลมกลืนกับธรรมชาติแท้ (authentic nature) ของผู้สูงอายุเอง ซึ่งไม่ใช่เรื่องการเห็นแก่ตน (self-centrics) หรือการเห็นแก่ตัว (selfishness) แต่เป็นการพิจารณาความเหมาะสม (optimum) สำหรับผู้เกษียณอายุ โดยเป็นการเติมเต็มแก่ตน (self-fulfillment) เท่าที่จำเป็นเท่านั้น ทั้งยังถือว่าความสุขอันแท้จริง (authentic happiness) จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อคุณค่า (values) และวิถีชีวิต (means) ที่เลือกนั้นสอดคล้องกับทั้งกาย ใจและจิตของผู้สูงอายุ


Leave a comment