ร่มธง สินธุประสิทธิ์:
คุณภาพชีวิต (quality of life; QOL) หมายถึง ชีวิตที่ดีอย่างหนึ่ง (a good life) ซึ่งแนวคิดเรื่องชีวิตที่ดีสามารถพิจารณาได้จากแถบกลุ่มทางความคิด (thought spectrum) จากหลายทรรศนะ ทำให้มีการแบ่งคุณภาพชีวิตเป็นกลุ่มอย่างหลวม ๆ และมีแนวโน้มที่จะทับซ้อนกัน ได้แก่
- คุณภาพชีวิตเชิงอัตวิสัย (the subjective quality of life)
- คุณภาพชีวิตเชิงอัตถิภาวะ (the existential quality of life)
- คุณภาพชีวิตเชิงปรวิสัย (the objective quality of life)
โดยแถบกลุ่มทางความคิดเหล่านี้ได้รวมเอาหลักการเกี่ยวกับคุณภาพชีวิตด้านต่าง ๆ เข้าไว้ด้วยกัน จึงได้ชื่อว่าทฤษฎีคุณภาพชีวิตเชิงบูรณาการ (the integrative quality-of-life theory หรือ the IQOL theory)
สำหรับหลักการต่าง ๆ เกี่ยวกับคุณภาพชีวิตตามทฤษฎีนี้ ประกอบด้วย
- สุขภาวะ (well-being)
- ความพึงพอใจกับชีวิต (satisfaction with life)
- ความสุข (happiness)
- ความหมายในชีวิต (meaning in life)
- ระเบียบทางชีวภาพหรือระบบข้อมูลทางชีวภาพ (biological order หรือ the biological information system)
- การตระหนักถึงศักยภาพของชีวิต (realization of life potential)
- การตอบสนองความต้องการ (fulfillment of needs)
- ปัจจัยเชิงปรวิสัยอื่น ๆ (objective factors) เช่น บรรทัดฐานทางวัฒนธรรม (cultural norms)
เมื่อนำทฤษฎีนี้มาพิจารณาคุณภาพชีวิตเพื่อพิจารณาในเชิงบูรณาการก็จะพบว่า การเข้าใจถึงความเชื่อมโยงระหว่างความสุขและคุณภาพชีวิตเช่นนี้ จะทำให้เห็นความสุขของผู้คนในภาพที่กว้างขึ้น และทำให้ตระหนักถึงคุณภาพชีวิตของผู้คนอย่างเป็นองค์รวมได้
หลังจากที่ใช้ชีวิตในวัยผู้ใหญ่ประกอบอาชีพหรือทำงานมาอย่างยาวนาน ผู้คนในวัยสูงอายุย่อมต้องการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขหลังจากเกษียณอายุ (ทำงาน) ความสุขของผู้สูงอายุจึงมีความสัมพันธ์อย่างแนบแน่นกับการวางแผนเพื่อวัยเกษียณของวัยผู้ใหญ่ อย่างไรก็ตาม หนึ่งในเป้าหมายของการวางแผนเพื่อวัยเกษียณก็คือ เพื่อรักษามาตรฐานคุณภาพชีวิตในช่วงหลังเกษียณ ประเด็นความสุขของผู้สูงอายุจึงเกี่ยวข้องกับคุณภาพชีวิต โดยความสุขของผู้สูงอายุถือเป็นส่วนหนึ่งของคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุเชิงอัตวิสัย และจำเป็นต้องพิจารณาให้เห็นความเชื่อมโยงอย่างชัดเจน ไม่เป็นเพียงคำสวยงามที่ว่างเปล่า
นอกจากนี้ ปัจจุบันมีแนวคิดมากมายเกี่ยวกับความสุขของผู้สูงอายุเนื่องจากโลกกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ มีการตีความเรื่องความสุขของผู้สูงอายุด้วยทรรศนะที่แตกต่างกันไปผ่านผู้รับคำปรึกษาและนักวางแผนเพื่อวัยเกษียณ การมีความเข้าใจความสุขของผู้สูงอายุที่ถูกต้อง เหมาะสม จะทำให้การพูดคุยเพื่อจริยธรรมการดูแล (Ethics of care) เกิดขึ้นได้ในสังคม
กระบวนทรรศน์หลังนวยุคสายกลาง (moderate postmodern paradigm) มองความสุขของผู้สูงอายุในแง่มุมที่มุ่งสู่จุดหมายปลายทาง (final goal) ที่เป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของวัยเกษียณเป็นสำคัญ ทั้งยังเห็นความสาคัญของหลักการเกี่ยวกับคุณภาพชีวิตด้านอื่น ๆ ของผู้สูงอายุอีกด้วย เช่น สุขภาวะ ความรื่นรมย์ในชีวิต ความพึงพอใจกับชีวิต ความหมายในชีวิต การตระหนักถึงศักยภาพของชีวิต การตอบสนองความต้องการ ความสงบสุข เพราะตระหนักดีว่าแง่มุมต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนเชื่อมโยงกับความสุขของผู้สูงอายุและร่วมกันส่งเสริมให้มีการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้เกษียณอายุอันเป็นเป้าหมายหลัก
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากหลักการเกี่ยวกับคุณภาพชีวิตด้านอื่น ๆ หลายประการมีส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเงิน ทำให้ความสุขของผู้สูงอายุซึ่งเชื่อมโยงหรือทับซ้อนกับหลักการดังกล่าวมีส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเงินด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ แนวคิดเรื่องความสุขของผู้สูงอายุตามแนวทางปรัชญาหลังนวยุคสายกลางจึงทำให้เกิดการตระหนักว่า ความสุขในช่วงหลังเกษียณนั้นมีทั้งที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องกับตัวเงิน นำไปสู่การวางแผนสร้างรายได้และแผนการใช้จ่ายหลังเกษียณที่มีเป้าหมายจำนวนเงินไม่มากจนเกินจำเป็น อยู่ในระดับพอเพียงตามเกณฑ์ของแต่ละปัจเจกบุคคลนั้น
ปรัชญาหลังนวยุคสายกลางเน้นย้าถึงการดำรงชีวิตที่มีความกลมกลืนกับธรรมชาติแท้ (authentic nature) ของผู้สูงอายุเอง ซึ่งไม่ใช่เรื่องการเห็นแก่ตน (self-centrics) หรือการเห็นแก่ตัว (selfishness) แต่เป็นการพิจารณาความเหมาะสม (optimum) สำหรับผู้เกษียณอายุ โดยเป็นการเติมเต็มแก่ตน (self-fulfillment) เท่าที่จำเป็นเท่านั้น ทั้งยังถือว่าความสุขอันแท้จริง (authentic happiness) จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อคุณค่า (values) และวิถีชีวิต (means) ที่เลือกนั้นสอดคล้องกับทั้งกาย ใจและจิตของผู้สูงอายุ

