ผศ.(พิเศษ) ดร.เอนก สุวรรณบัณฑิต:

อัลแบร์ กามู (Albert Camus 1913-1960) เกิดที่เมืองมอนโดวี (Mondovi) ประเทศแอลจีเรีย (ในขณะนั้นเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส) บิดาเสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 1 จึงเติบโตมาในครอบครัวมารดาที่มีความพิการทางการได้ยิน และมีฐานะยากจน กามูได้รับทุนการศึกษาและสามารถเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยแอลเจียร์ (University of Algiers) ในสาขาปรัชญา แต่ด้วยอาการป่วยวัณโรคจึงต้องหยุดเรียนเป็นระยะ กามูเริ่มต้นทำงานเป็นนักข่าวและนักเขียนบทละครในช่วงทศวรรษ 1930 เขาเข้าร่วมกลุ่มต่อต้านฟาสซิสต์และเขียนบทความเกี่ยวกับความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นในแอลจีเรีย ต่อมา เขาย้ายไปปารีสและเข้าทำงานกับหนังสือพิมพ์ Combat ซึ่งเป็นสื่อใต้ดินของขบวนการต่อต้านนาซีในฝรั่งเศสช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

กามูมีงานเขียนที่มีอิทธิพลต่อปรัชญาอัตถิภาวนิยม (Existentialism) และอัตถิภาวะแห่งความไร้เหตุผล (Absurdism) ในระหว่าง 1942-1956 ในปี 1957 กามูได้รับ รางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม ขณะมีอายุเพียง 44 ปี อย่างไรก็ตาม เขาประสบอุบัติเหตุจึงเสียชีวิตด้วยวัยเพียง 46 ปี

กามูสะท้อนแนวคิดอัตถิภาวนิยมผ่านความคิดเรื่องความไร้เหตุผลของชีวิต และเสนอให้มนุษย์ตอบสนองต่อสิ่งนี้ด้วยการกบฏต่อความไร้เหตุผล การมีชีวิตอยู่โดยปราศจากภาพลวงตา และการยอมรับเสรีภาพของตนเอง

กามูสำรวจปัญหาของความหมายในชีวิตมนุษย์ (meaning of life) ซึ่งมนุษย์โดยธรรมชาติพยายามหาความหมายให้กับชีวิต ต้องการเหตุผลว่าทำไมเราจึงมีอยู่ และอะไรคือจุดมุ่งหมายสูงสุดของการดำรงอยู่ กามูมองว่า โลกปราศจากเจตจำนงหรือคำตอบที่แน่นอน ความพยายามในการแสวงหาความหมายนั้นจะกลับกลายเป็นเรื่องไร้สาระ โลกนี้ไม่มีความหมายโดยธรรมชาติ มนุษย์จึงต้องเผชิญกับความไร้สาระของการดำรงอยู่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โดยธรรมชาติ มนุษย์ต้องการหลักประกันในชีวิต ต้องการกฎเกณฑ์และคำอธิบายที่ชัดเจนต่อความเป็นไปของโลก เป็นการแสวงหาความแน่นอน อย่างไรก็ตาม โลกเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และเราไม่สามารถควบคุมชะตากรรมของเราได้ทั้งหมด

กามูอธิบายว่า มนุษย์พยายามแสวงหาความหมายของชีวิต แต่จักรวาลกลับไม่สามารถให้คำตอบได้ ทำให้เกิดความไร้เหตุผล (The Absurd) ซึ่งเป็นภาวะขัดแย้งระหว่างความต้องการของมนุษย์กับความเงียบงันของจักรวาล มนุษย์ต้องใช้ชีวิตโดยไม่มีคำตอบสุดท้ายเกี่ยวกับจุดมุ่งหมายของชีวิต มนุษย์ทุกคนต้องการมีชีวิตอยู่ต่อไป และพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับความตายจนเสมือนว่า แสวงหาความเป็นอมตะ (immortal) อย่างไรก็ตาม ความตายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และเมื่อเผชิญกับความจริงข้อนี้ เราต้องตัดสินใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร

กามูมองว่า แทนที่จะแสวงหาคำตอบแบบศาสนาหรือระบบปรัชญา เราควรยอมรับ ความไร้เหตุผลของชีวิต และมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างท้าทาย มนุษย์ไม่ควรหนีความจริงด้วยการยึดถือแนวคิดศาสนาหรืออุดมคติที่ให้ความหมายแบบเทียม ๆ (หลอกตัวเอง) แต่ควรสร้างคุณค่าให้ตัวเองผ่านประสบการณ์และการกระทำ

กามูเชื่อว่า ความไร้เหตุผลของโลกไม่ได้หมายความว่าเราต้องยอมแพ้ต่อความสิ้นหวัง แต่กลับเป็นว่า เรามีเสรีภาพในการเลือกวิธีใช้ชีวิตของตัวเอง การยอมรับว่าโลกไร้เหตุผลช่วยให้มนุษย์เป็นอิสระจากกฎเกณฑ์ภายนอก และสามารถใช้ชีวิตโดยไม่ต้องพึ่งพาคำตอบสำเร็จรูป มนุษย์สามารถเลือกการดำรงชีวิตอย่างเต็มที่ แม้จะรู้ว่าชีวิตไม่มีความหมายในระดับสากลก็ตาม เป็นการกบฎ (revolt) ต่อวิถีชีวิตสามัญ เราอาจใช้ชีวิตโดยไม่สนใจบรรทัดฐานทางสังคมและท้ายที่สุดยอมรับชะตากรรมของตนเองโดยไม่ต้องพึ่งความหวังจากพระเจ้า

คำตอบของกามูต่อความต้องการของมนุษย์ อยู่ที่ว่า แทนที่จะแสวงหาคำตอบที่ไม่มีอยู่จริง มนุษย์ควรทำสิ่งต่อไปนี้ คือ 1) ยอมรับความไร้เหตุผลของโลก แทนที่จะหนีความจริงไปสู่ศาสนา อุดมการณ์ หรือภาพลวงตา 2) สร้างความหมายให้กับชีวิตด้วยตัวเอง แทนที่จะรอให้จักรวาลกำหนดความหมายให้เรา และ3) ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ในปัจจุบัน ยอมรับเสรีภาพของเราและเลือกที่จะใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า

โดย สรุป กามูมองว่ามนุษย์มีความต้องการโดยธรรมชาติที่หลากหลาย แต่มีความต้องการอยู่ 3 ประการที่สำคัญคือ ความหมายของชีวิต ความแน่นอนของชีวิต และความเป็นอมตะ


Leave a comment