ผศ.(พิเศษ) ดร.เอนก สุวรรณบัณฑิต;
การเป็นสำนักคิดทางปรัชญานั้นเริ่มต้นจากการมีแนวคิดเดียวกัน การรวมตัวและสืบทอดของผู้ที่มีแนวคิดเดียวกัน และช่วยกันขยายความคิดให้ก้าวหน้าหรือมั่นคงยิ่งขึ้น การที่นักปรัชญาจำแนกสำนักคิดทางปรัชญาออกมาเป็นสำนักต่าง ๆ หรือมีกระบวนการในการจัดตั้งสำนักคิดนั้นก็จะมีแนวทางหรือหลักการในการพิจารณาความเป็นสำนักคิด ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นหลายมิติที่ช่วยกำหนดเอกลักษณ์ของแต่ละสำนักคิด ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน ลักษณะสำคัญของการเป็นสำนักคิดสามารถพิจารณาได้จากประเด็นดังต่อไปนี้
1. กรอบแนวคิดหลัก (Core Concepts)
แต่ละสำนักคิดจะมีแนวคิดหลักที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น สำนักโสกราตีสและเพลโต เน้นเรื่องความรู้ ความจริง และโลกของแบบ (world of forms) สำนักอริสโตเติล มุ่งเน้นตรรกะ ภววิทยา และวิทยาศาสตร์ สำนักพุทธปรัชญา เน้นแนวคิดเรื่องทุกข์ อนัตตา และอริยสัจสี่ สำนักคานท์และแนวคิดเชิงวิพากษ์ ให้ความสำคัญกับโครงสร้างของความรู้และศีลธรรม
2. วิธีการวิเคราะห์ (Methodology)
สำนักคิดแต่ละแห่งรวบรวมและกำหนดวิธีการหลักหรือเฉพาะของสำนักในการสำรวจความคิดและวิเคราะห์ปัญหาทางปรัชญา เช่น ปรัชญาโสกราตีส ใช้การตั้งคำถามแบบ Socratic Method เพื่อกระตุ้นการคิด เหตุผลนิยม (Rationalism) ใช้ตรรกะและเหตุผลเป็นหลัก เช่น เดการ์ต ประสบการณ์นิยม (Empiricism) ใช้ประสบการณ์และการสังเกต เช่น ฮูมและล็อค
3. ประเด็นสำคัญที่ถกเถียงกัน (Key Philosophical Issues)
สำนักคิดมักมีข้อถกเถียงกันในประเด็นที่สำคัญแห่งยุคและมักจะมีสำนักคิดตรงข้ามที่จะโต้แย้งเหตุผลกัน ซึ่งเป็นปกติที่จะมีความเห็นที่แตกต่างหลากหลายได้ เช่น ในยุคสมัยใหม่ มีข้อถกเถียงเรื่อง ความรู้มาจากเหตุผลหรือประสบการณ์ระหว่าง Rationalism กับ Empiricism มนุษย์มีเสรีภาพหรือถูกกำหนดโดยธรรมชาติ ระหว่าง Free Will กับ Determinism ความจริงเป็นสัมพัทธ์หรือสัมบูรณ์ ระหว่าง Relativism กับ Absolutism
4. อิทธิพลทางสังคมและวัฒนธรรม (Social and Cultural Influence)
สำนักคิดจะสะท้อนตนเองผ่านบริบททางประวัติศาสตร์อยู่เสมอ เช่น ปรัชญากรีกโบราณ สะท้อนสังคมเมืองรัฐ (Polis) และการปกครองแบบประชาธิปไตย ปรัชญายุคกลาง สะท้อนอิทธิพลจากคำสอนในศาสนาคริสต์และอิสลาม ปรัชญาสมัยใหม่ สะท้อนกระแสของเสรีภาพ ปัจเจกนิยม และกระบวนการวิทยาศาสตร์ ปรัชญาหลังสมัยใหม่ สะท้อนการปลดปล่อย การวิพากษ์วิจารณ์ และการพัฒนาคุณภาพชีวิต
5. พัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงของสำนักคิด (Evolution of Schools of Thought)
สำนักคิดต่างก็มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการ ไม่หยุดนิ่ง เช่น จากปรัชญากรีกสู่ปรัชญาโรมัน ซึ่งมุ่งเน้นปฏิบัติการ เช่น สโตอิก จากยุคกลางสู่ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา ที่รื้อฟื้นสู่ปรัชญากรีกโบราณ จากปรัชญาสมัยใหม่สู่ปรัชญาหลังสมัยใหม่ ผ่านการตั้งคำถามกับโครงสร้างความจริง เช่น ฟูโกต์ แดร์ริดา
6. เครือข่ายของนักปรัชญาและอิทธิพลที่ส่งต่อกัน (Intellectual Network)
นักปรัชญาและนักคิดจะพยายามสร้างความต่อเนื่องและขยายแนวคิดของสำนักคิดของตน เช่น เพลโตเป็นศิษย์ของโสกราตีส และอริสโตเติลเป็นศิษย์ของเพลโต คานท์ได้รับอิทธิพลจากเดการ์ตและฮูม และกลายเป็นรากฐานของแนวคิดเชิงวิพากษ์ นิทเชอและไฮเดกเกอร์วิจารณ์แนวคิดของคานท์และเฮเกล
7. ความร่วมสมัยและบูรณาการศาสตร์ (Contemporary and Interdisciplinary Integration)
สำนักคิดร่วมสมัยมักบูรณาการปรัชญากับศาสตร์อื่น ๆ เช่น ปรัชญาภาษาของ Wittgenstein ที่เชื่อมโยงกับภาษาศาสตร์ ปรัชญาจิตที่เชื่อมโยงกับประสาทวิทยาศาสตร์ ปรัชญาศีลธรรมร่วมสมัย เช่น แนวคิดสิทธิสัตว์และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
ข้อวิจารณ์
การที่ปรัชญาในโลกตะวันตกมีความเข้มแข็งและสามารถพัฒนาเป็นสำนักคิดทางปรัชญาที่ชัดเจน เพราะได้รับการสนับสนุนจากโครงสร้างทางสังคม เสรีภาพทางปัญญา ความสัมพันธ์กับวิทยาศาสตร์ และระบบการศึกษาที่เปิดกว้างต่อการถกเถียงและพัฒนาแนวคิดใหม่ ๆ สำหรับโลกตะวันออกนั้น ส่วนหนึ่งมาจากปรัชญาตะวันออกถูกลดบทบาทลงเพราะถูกมองว่าไม่สอดคล้องกับแนวคิดสมัยใหม่ การศึกษาปรัชญาตะวันออกจึงมักถูกจำกัดให้อยู่ในขอบเขตของศาสนาและวัฒนธรรมดั้งเดิม อย่างไรก็ตาม ปรัชญาตะวันออกกลับมาได้รับความสนใจในโลกตะวันตกในยุคศตวรรษที่ 20 เช่น ปรัชญาอินเดีย พุทธปรัชญา ปรัชญาจีน ขงจื้อ เต๋า และปรัชญาเซ็น เป็นต้น แต่การเป็นสำนักคิดยังไม่ค่อยเด่นชัด มีเพียงการสืบทอดผ่านการเรียน ไม่มีการพัฒนาสำนักคิดใหม่ที่ท้าทายแนวคิดเก่า เพราะการศึกษามุ่งเน้นการรักษาความมั่นคงของสังคมและใช้เป็นแนวทางในด้านหลักการปฏิบัติบนฐานจริยศาสตร์ และเพื่อเป้าหมายของชีวิต (ความสุข) สำนักคิดที่แข็งแกร่งในอดีตเกิดขึ้นก็เพราะได้รับการสนับสนุนจากรัฐ แต่ก็มักจะเป็นการจำกัดความหลากหลายของแนวคิดที่แตกต่างไปในขณะเดียวกัน ในปัจจุบันก็ยังคงพัฒนาด้านการพิสูจน์คำสอนของสำนักคิดในลักษณะของการสอดคล้องหรือการบูรณาการกับวิทยาศาสตร์หรือศาสตร์สมัยใหม่ และแนวทางการเปรียบเทียบ เป็นต้น

