ดร.อัครกาญจน์ วิชัยดิษฐ์

แนวคิดที่เชื่อมโยงธรรมชาติในฐานะเป็นเครื่องสะท้อนอารมณ์ กับการสำรวจกิเลสในใจ สามารถพบได้ทั้งในปรัชญาตะวันออกและตะวันตกหลายแนวทาง

พุทธปรัชญา (Buddhist Philosophy) มีแนวคิดในการสำรวจกิเลส (โลภ โกรธ หลง) ผ่านสติและสมาธิ มีคำสอนที่เชื่อมกับสัญญะของดอกไม้คือ ดอกบัวเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์และการตื่นรู้ที่เกิดขึ้นแม้ในสภาพแวดล้อมโคลนตม ผู้ปฏิบัติสามารถใช้การสังเกตธรรมชาติของดอกบัว ดอกไม้หรือธรรมชาติ เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจ ในการตระหนักถึงความไม่เที่ยงและกิเลสในใจ

พระพุทธเจ้าทรงชี้แนะให้ใช้สมาธิในสิ่งรอบตัวเพื่อฝึกสติ สำนักฌานและเซนสอนการนั่งสมาธิพร้อมธรรมชาติ หรือการเพ่งดอกไม้และใบไม้เป็นสมาธิเพื่อฝึกการรู้ตัว (self-awareness)

ปรัชญาตะวันตกสายโรแมนติก (Romaticism) และสัญลักษณ์ตะวันตก (Western Symbolism) มีแนวคิดว่า ธรรมชาติเป็นสัญลักษณ์สะท้อนความงดงามและความลึกซึ้งของจิตใจมนุษย์ สะท้อนตัวตน (self-reflection) ในส่วนของดอกไม้ก็มีแนวคิดว่า ดอกไม้แต่ละชนิดสื่อถึงอารมณ์หรือคุณลักษณะของมนุษย์ เช่น กุหลาบ = ความรัก ดอกแดนดิไลออน = ความหวัง เป็นต้น แนวคิดนี้เป็นพื้นฐานของแนวคิด Bach Flower ในยุคต่อมาที่ใช้ดอกไม้เป็นสัญลักษณ์สะท้อนอารมณ์ Goethe เห็นธรรมชาติเป็นเครื่องสะท้อนภายในจิตใจและอารมณ์ของมนุษย์ Carl Jung ใช้สัญลักษณ์ (archetype) ธรรมชาติและดอกไม้ เป็นเครื่องสะท้อนภาวะไร้สำนึก (unconscious) และเงา (shadow) ของจิต

วิธีฝึกฝนเพื่อสำรวจตนเอง ได้แก่ การเดินเล่นในธรรมชาติตามแนวทางเพ่งพินิจ (contemplative walk) การจดบันทึกความรู้สึกที่เกิดขึ้นต่อสิ่งที่เห็น เช่น ท้องฟ้า ต้นไม้ น้ำตก หรือใช้การวาดภาพหรือเขียนกวีนิพนธ์เพื่อสะท้อนอารมณ์

ปรากฎการณ์วิทยา (Phenomenology) เช่น ฮุสเซิร์ล (Edmund Husserl) พอนตี (Maurice Merleau-Ponty) มีแนวคิดว่า ประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสของมนุษย์ต่อธรรมชาติเป็นช่องทางเข้าถึงความมีจิตสำนึก (consciousness) และอารมณ์ การสังเกตธรรมชาติอย่างตั้งใจช่วยให้เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างตัวเราและโลกภายนอก

วิธีฝึกฝนเพื่อสำรวจตนเอง ได้แก่ การนั่งสังเกตสิ่งรอบตัวด้วยความตั้งใจ (mindful observation) โฟกัสไปที่สัมผัสต่าง ๆ เช่น เสียงลม กลิ่นดิน น้ำไหล และจดบันทึกความรู้สึกและความคิดที่เกิดขึ้นโดยไม่ตัดสิน

แนวคิดจิตวิทยาเชิงสัญลักษณ์และการค้นหาตนเอง (Self-Inquiry) จิตวิเคราะห์และจิตวิทยาตัวตนมีแนวคิดว่า อารมณ์และความคิดเป็นสัญญะของจิตใต้สำนึก แนวคิดที่เชื่อมโยงกับสัญญะในธรรมชาติ มองว่า การเลือกดอกไม้ตามอารมณ์จะสะท้อนสิ่งที่ยังไม่ถูกตระหนักในจิตใจ จึงเป็นวิธีการหรือเครื่องมือในการสังเกตกิเลสและความยึดติด เช่น ความกลัว โลภ หรือโกรธ Edward Bach ใช้สัญลักษณ์ดอกไม้เป็นสะท้อนจิตใจ นักจิตวิทยาสายจุง (Jungian psychologists) ที่ใช้สัญลักษณ์ธรรมชาติเพื่อทำการวิเคราะห์ความฝัน (dream analysis) และการจัดการเงาในจิตใจ (shadow work)

วิธีฝึกฝนเพื่อสำรวจตนเอง ได้แก่ การใช้ฝันหรือมโนภาพ (visualization) ของธรรมชาติมาวิเคราะห์สัญลักษณ์และอารมณ์ที่เกิดขึ้น ทำ active imagination เพื่อสื่อสารกับจิตใต้สำนึก

การสะท้อนตัวเองผ่านธรรมชาติอย่างเป็นระบบ

หลักปรัชญาสำคัญในการบำบัด [1] ที่มองว่า หากเราท้าทายความเชื่อที่ไร้เหตุผลที่เรายึดถือและใช้ประเมินค่าตัวตนของตนเอง ประเมินค่าผู้อื่น และประเมินค่าชีวิตของตน และถ้าเราแปรเปลี่ยนมันให้มีเหตุผลได้ เราก็จะคลายจากความทุกข์ใจได้ แนวคิดนี้มีส่วนที่สนับสนุนต่อแนวคิดการสะท้อนตัวเองผ่านธรรมชาติ มองว่า การเชื่อมโยงกับธรรมชาติจะช่วยลดความเครียดและเพิ่มการตระหนักรู้ในตนเอง (self-awareness) ธรรมชาติเป็นกระจกสะท้อนอารมณ์และความคิดที่เราติดขัด

วิธีฝึกฝนเพื่อสำรวจตน ได้แก่ การอาบป่า (Forest Bathing) คือ การเดินในป่าอย่างตั้งใจ มีสติ สังเกตทุกความรู้สึก การเขียนบันทึก (Journaling) โดยการบันทึกความรู้สึกที่เกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมธรรมชาติ และการใช้ธรรมชาติเป็นสัญลักษณ์ในการสะท้อนสภาวะภายใน (inner states) เช่น การจดจำลักษณะของดอกไม้/สีของดอกไม้ที่ดึงดูดใจ

การบำบัดด้วยดอกไม้

Dr. Edward Bach (1889-1936) แพทย์และนักบำบัด (homeopath) ได้เสนอหลักการสำคัญคือ อารมณ์และจิตใจที่ไม่สมดุลเป็นรากเหง้าของความเจ็บป่วยทางกาย ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของจิตวิเคราะห์ แต่บาคมองว่า แต่ละบุคคลจะพบเจอกับเหตุการณ์ในแต่ละช่วงวัยไม่เหมือนกัน ประสบการณ์ สภาพแวดล้อมทางครอบครัว เพื่อน สังคม ต่างก็เป็นปัจจัยที่กระทบต่อความเป็นมนุษย์ บุคลิกภาพและนิสัยที่แสดงออกมา บาคได้เปรียบเทียบจิตใจของมนุษย์ไว้เหมือนกับหัวหอมที่มีการแบ่งเป็นชั้น ๆ และในแต่ละชั้นคือ อารมณ์ ลักษณะนิสัยและความนึกคิดที่หลากหลาย ซึ่งได้พอกพูน คลุมทับ จิตของเรา และในฝ่ายลบจะทำให้เกิดการขาดสมดุลในที่สุด

บาคสนใจการปรับสมดุลทางจิตใจตามแนวทางแพทย์ทางเลือกมากกว่าการรักษาด้วยยา บาชเลือกใช้ดอกไม้รักษาจิตเป็นแนวทางการบำบัดที่มุ่งเน้นเพื่อช่วยเยียวยาด้านอารมณ์ จิตใจ ความรู้สึก เป็นการปรับสมดุลในระดับจิตสำนึกของมนุษย์ วิธีการอาจคล้ายกับศาสตร์แห่งสมุนไพรบำบัด แต่แนวทางของบาชไม่ได้ใช้กลิ่นมาเป็นตัวบำบัด แต่ใช้สารสกัดน้ำมันของกลีบดอกและเกสรดอกไม้ เรียกว่า remedies (สารสกัดอย่างสมุนไพร) มาเป็นทางเลือกใหม่แห่งการรักษาบำบัด โดยบาคเชื่อว่า พลังงานที่อยู่ในสารเหลวที่สกัดได้จากดอกไม้ เป็นพลังที่จะช่วยเยียวยาจิตใจได้ ซึ่งวางอยู่บนฐานคิดโฮมีโอพาธี

Bach Flower Remedies (BFR) ใช้สารสกัดจากดอกไม้ แบ่งเป็น 38 ชนิดดอกไม้ แต่ละชนิดจะสะท้อน อารมณ์หรือจิตใจที่ติดขัดแตกต่างกันไป ซึ่งอาจเปรียบเทียบได้ดังตาราง

ดอกไม้ (Bach Flower)อารมณ์/อุปสรรคทางใจกิเลส/จิตใจที่สะท้อน (Buddhist Insight)
Agrimonyปกปิดความทุกข์, ยิ้มแย้มแม้ทุกข์โลภ/หลงในภาพลักษณ์ภายนอก, การไม่ยอมรับตัวเอง
Aspenกลัวไม่รู้สาเหตุความวิตกกังวล, กิเลสแห่งความกลัว
Beechวิจารณ์ผู้อื่นมากโทสะ, ความไม่อดทนต่อผู้อื่น
Centauryอ่อนต่อผู้อื่น, ขาดความมั่นใจโลภ, ความหลงในความพอใจของผู้อื่น
Ceratoสงสัยตัวเอง, คำแนะนำมากโลภ/หลงในความคิดของผู้อื่น
Cherry Plumกลัวสูญเสียการควบคุมโทสะ, ความโลภและความกลัว
Chestnut Budทำผิดซ้ำ, เรียนรู้ช้าโลภ/หลงในการกระทำเก่า, ขาดปัญญา
Chicoryหวงแหนคนอื่นมากโลภ, ความยึดติดในคนอื่น
Clematisฝันกลางวัน, ไม่อยู่กับปัจจุบันหลง, ความไม่สำนึกปัจจุบัน
Crab Appleรู้สึกสกปรก, ไม่ยอมรับตัวเองโลภ/หลงในความสมบูรณ์, ความไม่รักตัวเอง
Elmกังวลเมื่อรับผิดชอบโทสะ/ความหลงในตัวเอง, ความวิตกกังวล
Gentianหมดกำลังใจง่ายโทสะ/ความท้อแท้, โลภในการได้ผลตามหวัง
Gorseหมดหวังโทสะ/ความไม่พยายาม, ความสิ้นหวัง
Heatherสนใจแต่ตัวเองโลภ, ความหลงตัวเอง, ความเห็นแก่ตัว
Hollyโกรธ, อิจฉาโทสะ, โกรธ, อิจฉา
Honeysuckleหวนคิดอดีตโลภ/หลงในอดีต, ไม่อยู่กับปัจจุบัน
Hornbeamเหนื่อยง่าย, ผัดวันประกันพรุ่งโลภ/หลงในความสะดวกสบาย, ขาดความเพียร
Impatiensใจร้อน, อารมณ์เร็วโทสะ, ความหลงเร็ว, ขาดความอดทน
Larchขาดความมั่นใจโลภ/หลงในความไม่มั่นใจตัวเอง
Mimulusกลัวชัดเจนความกลัว, โลภ/หลงในความปลอดภัย
Mustardซึมเศร้าแบบไม่ทราบสาเหตุโทสะ/ทุกข์, โลภ/หลงในความเศร้า
Oakพยายามมากแต่เหนื่อยโลภ/หลงในความเพียร, โทสะต่อความล้มเหลว
Oliveเหนื่อยล้าโลภ/หลงในความเหนื่อย, ขาดความเพียร
Pineรู้สึกผิด, ตำหนิตัวเองโลภ/หลงในความผิด, โทสะต่อตัวเอง
Red Chestnutกังวลคนอื่นมากโลภ, ความหลงผู้อื่น, ความวิตกกังวล
Rock Roseกลัวสุดขีดความกลัว, โทสะในความตื่นตระหนก
Rock Waterเข้มงวดกับตัวเองโทสะ/ความหลงในความเพียร, ความอดทนเกิน
Scleranthusตัดสินใจไม่ได้โลภ/หลงในความลังเล, ขาดปัญญา
Star of Bethlehemช็อก, เจ็บปวดโทสะ/ทุกข์, โลภ/หลงในความเจ็บปวด
Sweet Chestnutสิ้นหวังสุดขีดโทสะ/ทุกข์, โลภ/หลงในความสิ้นหวัง
Vervainตึงเครียด, หวังมากโลภ/หลงในความสำเร็จ, โทสะเมื่อไม่สำเร็จ
Vineมีอำนาจ, ควบคุมผู้อื่นโลภ, โทสะ, ความหลงในอำนาจ
Walnutปรับตัวยากโลภ/หลงในความมั่นคง, ขาดความยืดหยุ่น
Water Violetชอบอยู่คนเดียวโลภ/หลงในความโดดเดี่ยว, โทสะต่อตัวเอง
White Chestnutคิดวนซ้ำโลภ/หลงในความคิด, ขาดปัญญา
Wild Oatไม่รู้จุดหมายชีวิตโลภ/หลงในความไม่แน่นอน, ขาดปัญญา
Wild Roseไม่สนใจชีวิตโลภ/หลงในความเฉยชา, ขาดปัญญา
Willowโทษผู้อื่น, ขมขื่นโทสะ, โลภ/หลงในความไม่ยุติธรรม

วิจักษ์แนวคิด BRF

แนวคิดที่สนับสนุนแนวทาง BFR ได้แก่
1) หลักการสะท้อนอารมณ์และจิตใจ BFR ทำหน้าที่เหมือนกระจกสะท้อนอารมณ์ของผู้ใช้ ผู้ใช้ต้องระบุอารมณ์ที่เกิดขึ้นจริง จึงเกิดการสังเกตตัวเองได้ การสะท้อนนี้สอดคล้องกับแนวคิด Mindfulness ของพุทธศาสนา

2) การส่งเสริมความสงบภายใน (inner peace) แนวคิดนี้วางอยู่บนศาสตร์สมุนไพรและผลลัพธ์บางประการ ที่ยืนยันว่า ดอกไม้บางชนิดช่วยให้ลดความวิตกกังวล อารมณ์รุนแรง หรือความเครียด ผู้ใช้บางรายรายงานว่าเกิดความสงบทางจิตใจและอารมณ์สมดุลขึ้น

3) การบำบัดเชิงจิตวิทยาแบบพฤติกรรมปัญญา (Cognitive Behavior Therapy, CBT) เน้นการปรับเปลี่ยนความคิด และพฤติกรรม ผ่านการพูดคุย เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าใจถึงความคิด ความเชื่อ หรือการรับรู้ที่อาจบิดเบือนไปจากความเป็นจริงของตนเอง ซึ่งกิจกรรม BRF จะมีส่วนสนับสนุน CBTในการเสริมสร้างความเข้าใจในอารมณ์และพฤติกรรมของผู้ใช้

4) การเป็นเครื่องมือในทางจิตวิญญาณหรือการพัฒนาตนเอง ผู้ใช้ BFR ใช้การไตร่ตรองตนเองผ่านการตั้งคำถาม เช่น “ทำไมฉันรู้สึกแบบนี้?” โดยเฉพาะในด้านอารมณ์ เช่น ความวิตกกังวล ความโกรธ และความเศร้าโศก เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของการรู้จักตัวเองลึกขึ้น คล้ายแนวปฏิบัติของพุทธที่ให้สังเกตกิเลสในใจ

5) หลักความปลอดภัย เนื่องจากกิจกรรมและวิธีการบำบัดนั้นเน้นการไม่เป็นโทษ จึงสอดคล้องกับ BFR ที่เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ ไม่มีสารพิษทางร่างกาย และเป็นประโยชน์คือ สามารถใช้ร่วมกับการบำบัดอื่น ๆ ได้โดยมีความเสี่ยงต่ำ

ข้อโต้แย้งแนวทาง BRF ได้แก่

1) ความไม่ชัดเจนของกลไกการทำงานของสารสกัด เนื่องจาก BFR ใช้พลังของดอกไม้หรือสัญลักษณ์ ซึ่งยังวางอยู่บนหลักการเชิงปรัชญา-จิตวิทยา ซึ่งไม่สามารถวัดหรือพิสูจน์กระบวนการในระดับเซลล์หรือประสาทวิทยาอย่างวิทยาศาสตร์ได้ จึงทำให้การแพทย์แผนตะวันตกมองว่าเป็น pseudoscience และผลการรักษาเป็นผลเทียม (Placebo Effect – ผลจากความเชื่อและจิตใจ)

2) ผู้ใช้อาจเสพติด พึ่งพา จนละเลยการบำบัดทางการแพทย์ตะวันตก ซึ่งในภาวะผิดปกติของร่างกายและจิตใจนั้น บางอาการสามารถรักษาได้ด้วยยาและกิจกรรมสมัยสมัย จึงอาจสร้างความเสี่ยงทางการรักษาสุขภาพของผู้ใช้ได้

ข้อเสนอแนะการสำรวจตนเองและการใช้ BFR อย่างเป็นระบบ

  1. ผู้ใช้จดบันทึกอารมณ์และความคิดของตนเอง เช่น ความวิตกกังวล โกรธ หรือความทุกข์ใจ
  2. เลือกใช้ดอกไม้ที่ตรงกับอารมณ์ความคิดของตน
  3. เขาใจว่า BFR เป็นตัวช่วยสะท้อนอารมณ์ ไม่ใช่ “ยาวิเศษ”
  4. สังเกตผล เช่น อารมณ์ หรือ พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นระยะ ๆ เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงสังเกต (observational data)
  5. ในส่วนที่สะท้อนตนเองออกมาได้ ผู้ใช้ตั้งคำถามเชิงพุทธ/จิตวิทยาว่า “ทำไมฉันรู้สึกแบบนี้?” “ความคิดนี้เกิดขึ้นเพราะกิเลสอะไร?” วิธีนี้ทำให้ไม่ใช่แค่การเลือกตัวแทนสัญลักษณ์ที่ถูกต้อง แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการรู้ตนเอง (self-awareness) และการรักษาเยียวยาตนเอง (self-healing)
  6. ให้คำปรึกษาการสะท้อนอารมณ์ พัฒนาสติ และลดความเครียด ให้ผู้ใช้ได้พัฒนาเป็นผู้รู้ตัวเอง ไม่ใช่เพียงผู้พึ่งพาสารสกัด (ป้องกันภาวะเสพติด)

สรุป ในปรัชญาตะวันตก ธรรมชาติถูกใช้เป็นเครื่องมือสะท้อนอารมณ์และจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นด้านความงาม ความรู้สึก หรือภาวะจิตไร้สำนึก (unconscious) โดยผู้ฝึกฝนต้องสังเกต-สำรวจตนเองอย่างตั้งใจ จดบันทึก และสะท้อนความรู้สึกเพื่อให้เกิดการตระหนักรู้ในตนเอง (self-awareness) และเข้าใจสภาวะภายใน (inner states) ของตน ซึ่งพบในปรัชญาโรแมนติก สัญญลักษณ์ตะวันตก ปรากฎการณ์วิทยา จิตวิเคราะห์เชิงสัญลักษณ์ และพบได้ในการฝึกฝนในพระพุทธศาสนาด้วย สำหรับในการสำรวจตนเองและบำบัดภาวะไม่สมดุลของตัวตน แนวทางการบำบัดด้วยดอกไม้เป็นการบำบัดทางเลือกที่วางอยู่บนหลักการนี้และมุ่งเน้นไปที่การสะท้อนอารมณ์และการเสริมสร้างความเข้าใจในจิตใจของผู้ใช้ซึ่งสามารถใช้ร่วมกับการบำบัดจิตใจอื่น ๆ ได้


Leave a comment