เรียนรู้ “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ตามรอยพระยุคลบาท
“ดี เก่ง และมีความสุข” คงไม่มีใครไม่อยากเป็นคนดี คนเก่งและมีความสุข โดยเฉพาะความสุขนี้สําคัญ คนส่วนมากไม่ค่อยนึกถึงความสุข นึกถึงแต่ความสนุกเป็นที่ตั้ง ความจริงความสุขเป็นความรู้สึกของเรา
เศรษฐกิจพอเพียงที่พระราชทาน เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวการดํารงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับตั้งแต่ระดับบุคคล ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดําเนินไปในทางสายกลาง
ที่มา: ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล. เศรษฐกิจพอเพียง…นําสู่ความสุขของชีวิตอย่างยั่งยืน. มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาประเทศตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง, 2555
……………………
ศาสตราจารย์กีรติ บุญเจือ จึงได้ขยายความต่อว่า เจตนาของเศรษฐกิจพอเพียงนั้น ต้องการให้เข้าใจในทำนองปรัชญา และนำมาปฏิบัติในทำนองจริยศาสตร์ ชัดเจนว่าต้องเข้าใจให้ถึงระดับปรัชญาจึงจะหมดเปลือก และต้องประยุกต์สู่การปฏิบัติด้วยคุณธรรมแห่งความสุข
ความสุขที่เป็นไปตามธรรมชาติอย่างเต็มที่เป็นความสุขแท้ตามความเป็นจริง
ความสุขที่เป็นไปตามธรรมชาติไม่เต็มที่เป็นความสุขแท้ไม่เต็มที่ของความเป็นจริง
ความสุขที่ไม่เป็นไปตามธรรมชาติเป็นความสุขไม่แท้ ไม่เต็มที่ ไม่สงบ ต้องไขว่คว้าหาอยู่ตลอดเวลา เพราะกลัวความทุกข์จะเข้ามาแทนที่ เนื่องจากไม่มีความเป็นจริงค้ำประกัน
สังคมที่จะอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ย่อมต้องมีกฎระเบียบที่ดีเป็นหลักในการปกครองเพื่อให้ความยุติธรรม การกำกับสิทธิ เสรีภาพ ความรับผิด อำนาจและหน้าที่ของพลเมืองแต่ละคน กฎระเบียบที่จะควบคุมสังคมได้ก็คือกฎหมายที่ได้มีวิวัฒนาการมาจากความรู้และความคิดของมนุษย์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จึงเน้นการทำดีด้วยองค์ประกอบคุณธรรม 4
มนุษย์เรามีส่วนเหมือนสัตว์เดียรัจฉานทั้งหลาย ตรงที่ว่า “ทำอะไรมีเป้าหมายที่มาจากสัญชาตญาณ” คือไม่ได้คิดเอง แต่ธรรมชาติผลักดันให้ทำเพราะมีเป้าหมายตามสัญชาตญาณ เพื่อเอาตัวรอดและดำรงอยู่ของมนุษยชาติ
สัญชาตญาณปัญญา ทำให้มนุษย์มีเป้าหมายอยู่ที่ความสุขจากการพัฒนาคุณภาพชีวิต ด้วยพลังแห่งกระบวนทรรศน์หลังนวยุค 4 ประการ คือ
1. สร้างสรรค์ (creativity) การคิดหรือทำสิ่งใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน เป็นการเพิ่มความก้าวหน้าแก่มนุษยชาติ เปิดโอกาสให้มีการประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์โดยทั่วไป แต่ถ้าเกิดโทษก็ต้องการการปรับตัว
2. การปรับตัว (adaptivity) การดัดแปลงการประยุกต์ใช้ให้เป็นคุณปราศจากโทษ หรือดัดแปลงโทษให้เป็นคุณ
3. การแสวงหา (requisitivitiy) ปัญญาของมนุษย์มีศักยภาพที่จะคิดเข้าใจถึงโลก จึงต้องการเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ
4. การร่วมมือ (collaboration) การร่วมมือทำให้เกิดผลลัพธ์ที่เกินความคาดหมายต่างๆ และเป็นความปรองดองสามัคคีกันของกลุ่มชนนั้นๆ
นอกเหนือไปจากนั้นมนุษย์ยังมีเป้าหมายจากปัญญา ของตนเองที่เข้าใจตนเองซึ่งจะแตกต่างกันไปตามบุคคล เมื่อมนุษย์รู้เป้าหมายแล้วไม่ว่าจะมาจากสัญชาตญาณหรือจากใจของตนเอง มนุษย์เรามีเสรีภาพตัดสินใจเลือกว่าจะเดินตามหรือไม่ก็ได้ ซึ่งสัตว์เดียรัจฉานไม่สามารถกระทำได้อย่างมนุษย์ ความสำนึกอย่างนี้เรียกว่ามี “มโนธรรม”
พระปณิธานของในหลวงคือทำให้ประชาชนมีความสุข นี่คือสิ่งที่ในหลวงเน้นในทุกพระราชดำรัส พระบรมราโชวาท
ทำดี มีสุข จึงเป็นการเทิดพระเกียรติตามพระราชประสงค์ของในหลวงในปฐมบรมราชโองการที่ว่า “เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”
และนโยบายอย่างสำคัญ คือ ราษฎรมีความสุขในการประกอบอาชีพ จึงเป็นที่มาของโครงการพระราชดำริต่างๆ มากกว่า 4,000 โครงการก็เพื่อทดลองหาแนวทางแห่งการมีความสุขอย่างพอเพียงแก่ประชาชนชาวไทย

