Alfarabi แอลเฟอเรบิ
ผู้แต่ง : รวิช ตาแก้ว
ผู้ปรับแก้ : กีรติ บุญเจือ
แอลเฟอเรบิเลื่อมใสในปรัชญาของเพลโทว์เอเริสทาเทิล และการบำเพ็ญฌานของลัทธิซูฟี (Sufism) จึงพยายามใช้ทั้ง 3 อย่างอธิบายคัมภีร์อัลกุรอาน สอนว่าปรัชญาลัทธิต่างๆนั้นที่จริงแสดงความจริงเดียวกันในแง่ต่าง ๆ กัน เพลโทว์ เอเริสทาเทิล และคัมภีร์อัลกุรอาน จึงกล่าวถึงความจริงเดียวกันโดยเสริมกันและกัน แอลเฟอเรบิให้ความสนใจเป็นพิเศษแก่อรรถกถาเอเริสทาเทิลที่นิพนธ์โดยนักปรัชญาลัทธิเพลโทว์ใหม่อย่างเช่น พอร์เฟอริ พราเคลิส เอลิกแซนเดอร์แห่งเอเฟรอดเสียส เอิมมาเนียสแซกเคิสแห่งเอลิกแซนเดรียและเธอมีสเชิสแห่งเพเฟลอโกเนีย
แอลเฟอเรบิพิสูจน์ความมีอยู่ของอัลเลาะห์ในฐานะเป็นผู้เคลื่อนแรกในฐานะเป็นภวันต์จำเป็น ในฐานะเป็นสาเหตุแรก อธิบายการสร้างด้วยทฤษฎีการล้นตามแบบเพลอทายเนิสว่า ณ ศูนย์กลางมีพระเป็นเจ้าซึ่งเป็นองค์เอกะ (The One) องค์เอกะล้นออกมาเป็นพระปัญญาญาณที่หนึ่ง (First Intelligence) เมื่อพระปัญาญาณที่หนึ่งคิดก็เกิดพระปัญญาญาณที่สอง อันได้แก่วิญญาณของดวงดาวในท้องฟ้าชั้นที่สอง เช่นนี้เรื่อยไปจนครบเก้าชั้นฟ้า ครั้นพระปัญญาญาณที่สิบคิด จะเกิดปฐมสสาร (first matter) เมื่อปฐมสสารรวมตัวกันแบบซึ่งเกิดจากพระปัญญาญาณที่สิบเช่นกันจะได้ธาตุ 4 และวัตถุต่าง ๆ บรรดามีในเอกภพ พระปัญญาญาณที่สิบจึงเรียกได้ว่าพระปัญญาญาณทำการ (Agent Intelligence) หรือผู้สร้าง หรือตามที่เพลโทว์เรียกว่าโลกสถาปนิก (Demiurge) พระปัญญาญาณที่สิบนี่แหละที่เป็นโลกแห่งมโนคติและเป็นผู้ส่องสว่างในปัญญาของมนุษย์ มนุษย์จึงสามารเข้าใจความจริงได้โดยการส่องสว่างและบำเพ็ญฌานเข้าถึงอัลเลาะห์ตามลำดับขั้น เมื่อวิญญาณมนุษย์เข้าถึงองค์เอกะก็จะกลายเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์
แอลเฟอเรบิเป็นศิษย์ที่ซื่อสัตย์ต่อคำสอนของแอลคีนดิและผสมผสานความคิดจากลัทธิต่าง ๆ เข้าด้วยกันอย่างแนบเนียนตามที่ตั้งใจไว้ เช่น มีอิทธิพลของเพลอทายเนิส ตำราเรื่องนี้ของแอลเฟอเรบิมีแปลเป็นภาษาละติน และในศตวรรษที่ 13 ได้รับความสนใจเป็นพิเศษในมหาวิทยาลัยปารีส
No comments on Alfarabi
