philosophy, use of รู้ปรัชญาแล้วได้ประโยชน์อะไร
ผู้แต่ง : เมธา หริมเทพาธิป
ผู้ปรับแก้ : กีรติ บุญเจือ
ในยุคโบราณ นักปรัชญาถือกันว่าเป็นผู้รอบรู้พูดได้ทุกเรื่อง ไม่ใช่รู้งานอาชีพ ไม่ใช่รู้งานทาส ไม่ใช่รู้งานศึกสงคราม แต่รู้เพื่อประเทืองปัญญา ใคร ๆ ก็อยากฟังนักปรัชญาพูด เพราะได้แง่คิดใหม่ๆ เกี่ยวกับชีวิต สังคม และวัฒนธรรม ใครได้รับการยอมรับว่าเป็นนักปรัชญาแล้ว ก็จะเลื่องลือเล่าต่อ ๆ กันไป ไปทางไหนก็มีผู้อยากพบเห็นและสนทนาด้วย ได้รับเกียรติและการยกย่องในสังคม นักปรัชญาเองอาจจะพูดข่มทับกันบ้าง แต่ประชาชนให้ความเคารพทุกคน เหมือนคนไทยเคารพพระภิกษุทุกรูป แม้ในหมู่สงฆ์จะมีการแบ่งเป็นนิกาย แต่ชาวบ้านไม่สนใจเรื่องนั้น สนใจแต่ว่าเป็นพระ
ในยุโรปยุคกลาง ปรัชญาเป็นสาวใช้ของการศึกษาศาสนา ศาสนาจึงสนใจยกย่องปรัชญาที่เอื้อศาสนาและตั้งใจปรามาสปรัชญาที่บั่นทอนศาสนา
ในกระบวนทรรศน์แบบสมัยใหม่หรือนวยุค ปรัชญาเป็นเครื่องมือบุกเบิกและค้ำจุนวิทยาศาสตร์โดยการรับรองความคิดแบบวจนศูนย์ (logocentrism) ที่นักวิทยาศาสตร์ต้องการเพื่อค้ำประกันความมั่นคงของงานค้นคว้าของตน
ในกระบวนทรรศน์แบบหลังนวยุคสายกลาง ปรัชญาเป็นกรรมการชี้ขาดจัดระเบียบความรู้ใหม่ทั้งหมด โดยพิจารณาเนื้อหาความรู้ใหม่ทั้งหมด ไม่ละทิ้งอะไรเลย (reread all, reject none) เพื่อให้ความรู้แต่ละเรื่องมีบทบาทอันควรของตนและจำกัดให้อยู่ในบทบาทอันควรของตนเท่านั้น โดยหวังว่าด้วยวิธีนี้จะช่วยให้ผู้มีความรู้ยอมรับบทบาทของกันและกัน เคารพความรู้ของกันและกันจะช่วยลดความตึงเครียดในสังคม ลดความขัดแย้งในแง่มุมต่าง ๆ และลดความกดดันในความรับผิดชอบของผู้บริหาร
เราจะพยายามศึกษาปรัชญากันด้วยวิธีการและเจตนาล่าสุดนี้ โดยไม่ละเลยประโยชน์อื่นๆ อันพึงมีพึงได้จากการรู้ปรัชญา เช่นผลพลอยได้จากการอ่านใจคน การเห็นความสัมพันธ์และความต่อเนื่องของเนื้อหาวิชาต่าง ๆ เป็นต้น
ปรัชญากับ philosophy ก็จะถือหลักเดียวกัน คือ ให้ต่างกันในความหมายตามรากศัพท์ แต่ในการใช้จริงให้มีความหมายเหมือนกัน คืออะไรที่ฝรั่งเรียกว่า philosophy ได้ก็คือปรัชญา และอะไรที่คนไทยเรียกว่าปรัชญาได้ก็คือ philosophy ด้วย ก็เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
