ทฤษฎีความต้องการลำดับขั้นของมาสโลว์ (Maslow’s Hierarchy of need, 1943)

อ.ดร.เอนก สุวรรณบัณฑิต

มาสโลว์ (Abraham H. Maslow, 1908-1970) เกิดที่นครนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา ไปเรียนที่มหาวิทยาลัย Wisconsin ในสาขาจิตวิทยาจนจบปริญญาโท ได้รับแนวคิดพฤติกรรมนิยม ต่อมาได้รับฟังความคิดเห็นจาก Alfred Adler นักจิตวิทยาสายจิตวิเคราะห์ จึงได้มีแนวคิดเรื่องจิตมนุษย์ (Human mind) แบบของตนเอง ตั้งชื่อว่า Humanistic psychology สนใจเรื่องคนที่รู้จักตัวเองที่แท้จริง (self-actualizing people)

ต่อมาได้ร่วมงานกับ Max Wertheimer นักจิตวิทยากลุ่มเกสตัลท์ จึงสนใจสุขภาพทางจิต (mental health) และศักยภาพของมนุษย์ (human potentiality) ทำให้สนใจเรื่องการจูงใจเพื่อให้มนุษย์แสดงศักยภาพได้อย่างเต็มความสามารถ โดยเชื่อว่า แรงจูงใจนั้นจะต้องเกิดจากความต้องการของมนุษย์ และได้ทำการจำแนกลำดับความต้องการของมนุษย์ออกเป็น 5 ขั้น โดยได้นำเสนอว่า ความต้องการของคนเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการจูงใจ และความต้องการนั้นแบ่งออกได้เป็นระดับต่างๆ โดยแบ่งรูปแบบความต้องการไว้เป็น  3 ด้านคือ

  1. ความต้องการที่ต้องการอยู่เสมอและไม่มีวันสิ้นสุด เป็นความต้องการที่เมื่อได้รับการตอบสนองแล้วก็ยังมีความต้องการนั้นต่อไป เช่น ความต้องการในปัจจัยที่จำเป็นในการดำรงชีวิต
  2. ความต้องการที่ไม่ได้รับการตอบสนอง จะเป็นสิ่งที่ส่งผลอย่างมากต่อแรงจูงใจและมีแนวโน้มที่จะสร้างให้เกิดพฤติกรรมเพื่อนำไปสู่เป้าหมายนั้น
  3. ความต้องการมีลำดับของความสำคัญแตกต่างกัน ความต้องการมีหลายด้าน บุคคลมีการแบ่งระดับความสำคัญ ความเร่งด่วนต่อชีวิตแตกต่างกันไป และจะแสดงพฤติกรรมที่นำไปสู่ความต้องการที่มีความสำคัญมากกว่าก่อนเสมอ

มาสโลว์เชื่อว่าบุคคลจะต้องตอบสนองต่อความต้องการในระดับล่างก่อนจึงจะค่อยๆ ตอบสนองต่อความต้องการขั้นสูงอื่นๆ ต่อไป

  1. ความต้องการทางร่างกาย (physiological needs) เป็นความต้องการในปัจจัยพื้นฐานเพื่อการดำรงชีวิต เช่น อาหาร น้ำ อากาศ ยารักษาโรค ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม การพักผ่อน ความต้องการทางเพศ เป็นต้น เมื่อได้รับการตอบสนองก็จะลดระดับความต้องการลง และมุ่งสู่ความต้องการขั้นต่อไป
  2. ความต้องการความปลอดภัยและมั่นคง (safety and security needs) เป็นความต้องการด้านความปลอดภัย ความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สิน ไม่ถูกทำร้ายหรือเกิดอุบัติเหตุต่างๆ
  3. ความต้องการทางสังคมและความรัก (social and love needs) บุคคลที่ได้รับการเติมเต็มในความต้องการทางร่างกายและมีความมั่นคงในชีวิตแล้ว จะเกิดมีความต้องการเป็นส่วนหนึ่งของสังคม เป็นที่ยอมรับถึงความมีตัวตนจากคนรอบข้าง ต้องการได้รับความรักความเอาใจใส่จากบุคคลในครอบครัว เพื่อน
  4. ความต้องการการยกย่อง (esteem needs) เป็นความต้องการทางสังคมในขั้นสูงถึงการยอมรับและยกย่องตนเองในฐานะผู้ประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียง เกียรติยศ ได้รับการนับหน้าถือตา เกิดเป็นความภาคภูมิใจในตนเอง
  5. ความต้องการความเป็นจริงในชีวิต (self-actualzation) เป็นความต้องการขั้นสูงสุดของบุคคลในการที่จะรู้ถึงความเป็นตัวตนที่แท้จริง สิ่งที่แสวงหาขั้นสูง รูปแบบการดำเนินชีวิตที่ต้องการ ตลอดจนทราบถึงศักยภาพของตนเองและความสามารถที่จะใช้ศักยภาพที่มีอยู่อย่างเต็มที่ มีการกำหนดเป้าหมายที่ท้าทายและมีความมุ่งมั่นที่จะกระทำสิ่งนั้น

มาสโลว์ได้เสนอหลักจิตวิทยาในมุมมององค์รวม (holistic approach) เกี่ยวกับความเป็นมนุษย์ (human existence) การจูงใจตามแนวทางของมาสโลว์จึงเน้นการเคารพในคุณค่าและศักดิ์ศรีของมนุษย์


One response to “Maslow’s Hierarchy of need”

  1. […] ที่มันเป็นแบบนี้ อยู่ๆมันคงไม่สามารถเป็นขึ้นมาได้ มันก็เริ่มจากคน มันก็เป็นความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์อย่างที่ มาสโลว ได้ว่าไว้ แต่การควบคุมอารมณ์ การควบคุมความรู้สึกต่างๆ มันลดลง ไม่ใช่เพราะไม่มีศีล ไม่มีศาสนาอะไรหรอก มันไม่มีสามัญสำนึกตั้งแต่ต้นแล้ว ในสมัยโบราณเอาตั้งแต่ยังไม่มีศาสนาพุทธละกัน ทำไมมันวุ่นวายน้อยกว่าล่ะ มันไม่ใช่เพราะคนเหล่านั้นรู้จักธรรมชาติเหรอ รู้ผิดชอบชั่วดี รู้ที่มาของรากเง้าวงศ์ตระกูล มันก็ไม่อยากจะทำผิดกันแล้ว ถึงไม่มีกฎหมาย ไม่มี พรบ.เยอะขนาดนี้ มันก็ไม่อยากจะทำ ผิดมาทีตายยกวงศ์ เอามั้ยล่ะ พอไม่มีใครเอาเค้าก็สอนลูกสอนหลานให้มันถูกมันควร อะไรที่มนุษย์ไม่ควรทำต่อกันก็สอนก็สั่งกันมา สิ่งที่สอนก็ไม่มีอะไรยาก ถ้าคนสมัยนี้ก็เรียกหรูๆ ว่า ปรัชญา และมีแต่คนบ้าหรือพูดไม่ค่อยรู้เรื่องเค้าไปเรียน อะไรอย่างนี้มั้ย เฮ้ยๆๆ มันใช่เหรอ […]

    Like

Leave a comment