ดร.เอนก สุวรรบัณฑิต

การวิจัยในประเทศไทยมีความเห็นต่างกันบางเรื่องในหมู่กรรมการผู้ควบคุม/สอบการวิจัยและวิทยานิพนธ์ เช่น การทำวิทยานิพนธ์ปรัชญาควรมีการนิยามศัพท์หรือไม่?

ในทางปรัชญาย่อมต้องเสนอว่าไม่จำเป็นต้องมีทุกเล่ม เพราะงานปรัชญาบางแบบเป็นงานแสวงหาคำนิยามของเรื่องนั้นๆ ดังนั้นจะนิยามก่อนไม่ได้ แต่หากจะนิยามก็อาจทำได้กว้างๆ ให้ทราบว่างานนั้นจะพิจารณาเรื่องนั้นๆในความหมายใดในแง่ทิศทาง แต่ต้องระบุว่าที่สุดแล้ว งานปรัชญาคือรากฐานของการนิยามเรื่องนั้นๆ ซึ่งมีได้มากกว่าหนึ่ง สมมติเราทำวิทยานิพนธ์เรื่อง Mind in Buddhist Philosophy งานนี้เรากำลังจะศึกษาว่า Mind ในพุทธปรัชญาคืออะไร จะนิยามก่อนได้อย่างไร เพราะยังไม่ได้ศึกษาเลย แต่อาจพูดกว้าง ๆ ว่าเราศึกษาเรื่องนี้ในขอบเขตของ philosophy of mind เท่านี้ก็พอ ใครไม่เข้าใจก็แปลว่าไม่รู้เรื่องปรัชญา ไม่ควรเป็นกรรมการสอบ/ควบคุม

การเห็นตัวอย่างวิทยานิพนธ์ที่คนอื่นทำในโลกดีที่สุดครับ สังเกตดูว่ารูปแบบเขาเป็นอย่างไร แน่นอนว่าในทางปรัชญาไม่เคยเห็นวิทยานิพนธ์ปรัชญาที่มีรูปแบบให้คนเขียนนิยามศัพท์ก่อน เช่น Mind คืออะไร Buddhist Philosophy คืออะไร (ศ.สมภาร พรมทา)

สำหรับผู้เขียนแล้วการวิจัยในปรัชญามีความซับซ้อนที่ต้องอาศัยการทำความเข้าใจแนวคิดเชิงลึก ซึ่งการรู้ความหมายของศัพท์หรือก็คือนิยามศัพท์ที่เจาะจงลงไปในแนวคิดหนึ่งแนวคิดใดเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้การสื่อสารและการวิเคราะห์ความมหายมีความชัดเจนและกระจ่างขึ้น อย่างไรก็ตาม การนิยามศัพท์ตั้งแต่แรกอาจจำเป็นหรือไม่นั้น แตกต่างกันในบริบทของการวิจัยปรัชญา เช่น

ปรัชญาตะวันตก การนิยามศัพท์มีความจำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากลักษณะของปรัชญาตะวันตกมักให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์เชิงเหตุผล การโต้แย้งที่มีโครงสร้าง และการใช้ภาษาอย่างแม่นยำ อริสโตเติล (Aristotle) หรือ เดส์การ์ต (Descartes) มักเริ่มต้นการอภิปรายด้วยการนิยามคำสำคัญ เช่น “ความเป็นจริง” (reality), “จิต” (mind), หรือ “ความรู้” (knowledge) เพื่อให้ผู้ฟังเข้าใจสิ่งที่กำลังพูดถึงอย่างตรงกัน ดังนั้น การนิยามศัพท์ไว้จะเป็นฐานที่ช่วยให้การคิดบนคำและการโต้แย้งมีความชัดเจนและป้องกันความคลาดเคลื่อนในการตีความ (เล่นคำ) ซึ่งสำคัญมากในบริบทของปรัชญาที่เน้นการเสนอข้อตั้งและโต้แย้งเหตุผล ซึ่งต้องเข้าใจคำผ่านรากศัพท์ เพื่อความแม่นยำเชิงภาษา สะท้อนความหมาย คลุมเครือหรือการใช้ในบริบทต่าง ๆ การเลือกที่จะนิยามจะลดความไม่ชัดเจนเมื่อเลือกใช้นิยามอย่างเป็นกลาง (moderate meaning) ในการวิเคราะห์ การนิยามช่วยสร้างกรอบความคิดที่ชัดเจน และลดความเข้าใจผิดที่อาจเกิดจากการตีความส่วนตัว หรือหากต้องการตีความอย่างสุดขั้ว ก็จะได้ชี้ทิศทางของคำนั้นผ่านนิยามที่ได้วางเอาไว้ได้

ปรัชญาตะวันออก เช่น ปรัชญาพุทธ ปรัชญาจีน ปรัชญาอินเดีย การนิยามศัพท์อาจไม่ได้มีความจำเป็น เพราะคำเหล่านั้นจะเป็นคำสอนที่จะนำมาใช้คิด เพื่อเป็นความรู้ ผ่านวิธีคิดที่มักเน้นการอธิบายประสบการณ์หรือการพินิจภายใน (contemplation) มากกว่าการถกเถียงเชิงเหตุผล การวิจัยยังเน้นการหาความหมายที่แท้จริง ความหมายที่ถูกต้อง ซึ่งจะถูกนิยามที่วางไว้จำกัด ดังนั้น ในทางปรัชญาตะวันออกจึงมักหลีกเลี่ยงการนิยามศัพท์ การแยกแยะผ่านภาษา หรือ การอธิบายที่เป็นตรรกะตรง ๆ แต่ในการวิจัยบางชิ้นก็ต้องมีการนิยาม เพื่อให้เข้าใจแนวคิดเบื้องต้น เช่น ทุกข์ สมาธิ นิพพาน เป็นต้น เนื่องจากคำศัพท์ในปรัชญาตะวันออกมักมีความหมายที่ยืดหยุ่นและขึ้นอยู่กับบริบท การไม่นิยามก็จะเปิดช่องว่างของความเข้าใจ แต่การนิยามที่ตายตัวก็อาจลดทอนความหมายที่ลึกซึ้ง

ข้อพิจารณาสำหรับผู้ศึกษา/วิจัยในระดับปรัชญา คือ การมีท่าทียอมรับ-ยืดหยุ่นต่อการนิยามศัพท์ ในฐานะเครื่องมือสำหรับการสร้างความเข้าใจร่วมกันเบื้องต้น ไม่ว่าจะในปรัชญาตะวันออกหรือตะวันตก อย่างไรก็ตาม การนิยามเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอสำหรับปรัชญา เพราะปรัชญาไม่ได้มุ่งเน้นเพียงความถูกต้องของคำ แม้จะเป็นการเข้าใจตามรากศัพท์แล้วก็ตาม เนื่องจากปรัชญาสนใจต่อภววิทยาของคำ ตระกูลของคำ ลำดับศักดิ์ของคำ ซึ่งการวิจัยที่ดีรวมถึงการตั้งคำถามและขยายความคิดที่เกินกว่านิยามที่ได้กำหนดไว้ของคำ ๆ นั้น หรือแม้แต่ความนิยมในการใช้คำนั้นในบางความหมายก็จะเป็นต้องวิจัยด้วยเช่นกัน การพิจารณาว่าการนิยามศัพท์จำเป็นหรือไม่จึงขึ้นอยู่กับเป้าหมายและบริบทของงานวิจัยปรัชญานั้นๆ ว่าเป็นเรื่องอะไร


    Leave a comment