ผศ.(พิเศษ) ดร.เอนก สุวรรณบัณฑิต

บทนำ

โลกศตวรรษที่ 21 เผชิญความซับซ้อนของความมากเกินไปในทุกมิติ เช่น มากเกินไปของข้อมูล (information overload) มากเกินไปของตัวเลือก (choice saturation) มากเกินไปของสินค้าราคาถูกแต่เปลี่ยนบ่อย และ มากเกินไปของแรงกดดันให้บริโภคและอัปเดตตนเองตามโลกออนไลน์ บริบทโลกพยายามผลักดันการผลิต–การบริโภคด้วยโซเชียลมีเดีย อัลกอริทึม และวัฒนธรรม more is better กระแส low buy จึงเกิดขึ้นในฐานะการต่อต้านเงียบ ๆ (silent rebellion) ต่อระบบเร่งรัดเหล่านี้ Low Buy ปรากฎเพื่อแสดงความอิ่มตัวของผู้บริโภคในสังคมทุนนิยมขั้นสูง ผู้คนจำนวนหนึ่งจึงเลือกลดการซื้อ ไม่ใช่เพราะขาดแคลนทรัพยากร แต่เพราะขาดแคลนความหมาย (lack of meaning) และวิกฤตความเหนื่อยล้าจากการบริโภคเกินจำเป็น (consumption fatigue) การลดการบริโภคจึงไม่ใช่วิถีชีวิตธรรมดา แต่เป็น การต่อต้านเชิงปรัชญา ต่อความเป็นเหตุเป็นผลของทุน (rationality of capitalism) และเป็นการสร้างคำอธิบายใหม่เกี่ยวกับสุข ความพอใจ และเสรีภาพ

ภายใต้กรอบ postmodernism ตัวตนไม่ได้เป็นแก่นสภาวะ แต่ถูกประกอบสร้าง (constructed) ผ่านสัญญะ วัตถุ และสื่อ การบริโภคจึงเป็นพื้นที่สร้างอัตลักษณ์ เช่นเดียวกับการปฏิเสธการบริโภคก็เป็นการสร้างอัตลักษณ์เช่นกัน

Low Buy จึงเป็นการต่อต้านเชิงสัญญะ (symbolic resistance) เป็นการบอกว่า ฉันไม่ใช่สิ่งที่ฉันซื้อ และเป็นการ reclaim ความเป็นมนุษย์จากระบบที่กำหนดคุณค่าผ่านการบริโภค

ในระดับวัฒนธรรม การเกิดขึ้นของ low buy สอดคล้องกับปรัชญาโบราณหลายสำนัก เช่น Stoicism และ Epicureanism และยังสามารถตีความร่วมกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของไทย ตลอดจนกับอุดมการณ์ทางสิ่งแวดล้อมและขบวนการจิตวิญญาณแบบใหม่ได้อีกด้วย

Low buy

การซื้อเท่าที่จำเป็น การลดพฤติกรรมจับจ่ายโดยไม่ใช้เหตุผล การตีความทั่วไปประกอบด้วย 1) การลดอุปกรณ์ฟุ่มเฟือย 2) การลดของสะสม 3) การเลือกเฉพาะสิ่งจำเป็น และ 4) การสร้างพื้นที่ว่างทางจิตใจ (mental decluttering)

Stoicism เชื่อว่า ความสงบและเสรีภาพอยู่ที่การควบคุมตนเองเหนือความอยาก ไม่ใช่การตามใจความใคร่ ทั้งนี้ หลักสโตอิกที่สัมพันธ์กับ Low Buy ได้แก่

  1. Apathēia — อิสรภาพจากแรงดึงดูดของสิ่งที่ควบคุมไม่ได้
  2. Autarkeia — ความพอเพียงด้วยตัวเอง
  3. การแบ่งแยกสิ่งที่ “ควบคุมได้ / ควบคุมไม่ได้”

ดั่งคำของ Epictetus

“Wealth consists not in having great possessions, but in having few wants.”

Low Buy เคลื่อนไหวบนหลักเดียวกัน คือการลดการครอบครองทางจิตมากกว่าการครอบครองทางวัตถุ ความสุขมาจากการมีความต้องการที่น้อยลง ซึ่งเป็นแก่นของสโตอิกโดยตรง

Epicureanism เชื่อในสุขสงบที่เน้นพอประมาณ ความสุขที่แท้คือ การขจัดความวิตก ความเรียบง่าย มิตรภาพ และชีวิตที่ไม่ถูกครอบงำด้วยความต้องการเกินจำเป็น

Epicurus กล่าวว่า

“If you wish to make Pythocles rich, don’t give him more money; reduce his desires.”

Low Buy จึงถือเป็นการฟื้นฟูหลัก ataraxia ความสงบไร้ความกังวล โดยการลดแรงกดดันจากการเปรียบเทียบในสื่อและตลาด

ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มีหลักการคือ ความพอประมาณ เหตุผล และภูมิคุ้มกัน ซึ่งตั้งบเงื่อนไขคุณธรรมและเงื่อนไขความรู้ สิ่งนี้สอดคล้องกับ Low Buy ในฐานะการปฏิเสธการบริโภคแบบไร้เหตุผล แต่ไม่ปฏิเสธการพัฒนา ทว่าเรียกร้องความสมดุล

Low Buy จึงเป็นจริยศาสตร์การบริโภคที่สอดคล้องกับแนวคิดพอเพียง โดยเฉพาะเมื่อประยุกต์กับวิถีชีวิตเมืองที่เต็มไปด้วยแรงจูงใจบริโภค

การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในยุค Anthropocene ทำให้มนุษย์ตระหนักว่าการบริโภคทุกอย่างมีผลต่อโลก Low Buy เป็นการเมือง (political play) ของการลดการปล่อยคาร์บอนผ่านชีวิตประจำวัน โดยอาจมีโครงสร้างความคิดเชื่อมโยง คือ

การลดซื้อ = ลดขยะ = ลดการผลิต = ลดการใช้ทรัพยากร

การซ่อม–ใช้ซ้ำ–แลกเปลี่ยน = วัฒนธรรมหลังบริโภค (post-consumer culture)

การเลือกอย่างมีสติ = วิพากษ์ระบบสินค้าราคาถูกที่กดขี่แรงงาน

ในกรอบ postmodernism มองว่า ธรรมชาติไม่ใช่องค์รวมที่มีความจริงในตัวเอง แต่เป็น ความจริงเชิงสร้างความหมาย Low Buy จึงเป็นการประกอบความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างมนุษย์–โลก เพื่อการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติในเชิงจริยธรรมผ่านความรู้สึกรับผิดชอบร่วม (eco-ethical identity)

Gen Z และ Millennials กระแสหลักของ Low Buy มาจากคนรุ่นใหม่ เพราะเขาเติบโตในยุคที่มีภาระหนี้จากการศึกษา การเกิดวิกฤตเศรษฐกิจซ้ำๆ อัตราค่าครองชีพสูง ภาวะ climate anxiety และวัฒนธรรมออนไลน์ที่เร่งความต้องการบริโภค

Low Buy สำหรับคนรุ่นใหม่ไม่ใช่เพียงความพอประมาณ แต่คือการต่อต้านอำนาจตลาด (market resistance) และการ reclaim ความเป็นตัวตนจากการเปรียบเทียบผ่านโซเชียลมีเดีย

Gen X และ Baby Boomers อาจตีความ Low Buy ว่าเป็นวัฒนธรรมกลับสู่ความพอเพียง หรือชีวิตเรียบง่ายหลังความสำเร็จ ซึ่งต่างจากคนรุ่นใหม่ที่ใช้ Low Buy เป็นการเมืองของความหวาดกลัวอนาคต

Spirituality ในยุคหลังสมัยใหม่ เมื่อความจริงถูกตั้งคำถาม มนุษย์จึงกลับมาหาความหมายด้านใน (inner meaning) Low Buy จึงสะท้อนแนวคิดเกี่ยวกับ การปล่อยวาง (letting go) การลดสิ่งนอกเพื่อเห็นสิ่งใน การสร้างพื้นที่ให้สติ (mindfulness) ความเรียบง่ายเป็นความบริสุทธิ์ (simplicity as purity) และการมีชีวิตที่ไม่กระจัดกระจาย (non-fragmented life)

Low Buy ในมุมมองจิตวิญญาณนั้น ไม่ใช่เพียงการปรับเปลี่ยนจากการควบคุมงบประมาณ แต่เป็นการเคลื่อนไหวเพื่อฝึกฝนทางจิตวิญญาณ (spiritual practice) เพื่อคืนสัญญะของชีวิตจากระบบตลาดสู่ความเป็นตัวตนที่แท้จริง

Postmodernism ในมุมมองของปรัชญาหลังสมัยใหม่ Low Buy คือรูปแบบ resistance ต่อ metanarrative ของทุนนิยม ใน 4 มิติ ได้แก่

(1) การปฏิเสธ grand-narrative ของความสุขผ่านการบริโภค ซึ่งทุนนิยมเล่าเรื่องว่าการซื้อของ = ความสำเร็จ การมีมาก = ความสุขมาก Low Buy ปฏิเสธเรื่องเล่าใหญ่นี้ผ่านการกระทำเล็ก ๆ และสร้างความสุขแบบใหม่ที่ไม่ผูกกับการครอบครอง

(2) การวิพากษ์สัญญะ (sign) ของสินค้า ตามแนวคิด Baudrillard สินค้าไม่ใช่วัตถุแต่เป็นสัญญะ และเราเสพสัญญะของสินค้ามากกว่าสินค้าเอง Low Buy คือการหยุดการยอมรับสัญญะเหล่านั้นในฐานะตัวกำหนดตัวตน และกลับสู่ความจริงเชิงประสบการณ์

(3) การประกอบสร้างอัตลักษณ์ใหม่ การเกิดขึ้นของ Low Buy ทำให้ตัวตนไม่ถูกกำหนดจากแบรนด์ แต่ถูกกำหนดจากความสามารถในการจัดการความอยาก เป็นอัตลักษณ์แบบหลังสมัยใหม่ที่เปลี่ยนผ่านตลอดเวลา

(4) การเมืองของชีวิตประจำวัน (micro-politics) Foucault ชี้ว่า การต่อต้านอำนาจเกิดในระดับชีวิตประจำวัน เมื่อเรามองได้ว่า อำนาจแฝงตัวอยู่ในรูปแบบการบริโภค Low Buy จึงสะท้อนถึงรูปแบบการต่อต้านที่ไม่ใช้ม็อบประท้วง แต่ใช้การเปลี่ยนพฤติกรรมเล็ก ๆ เป็นการเมืองทางวัฒนธรรม

สรุป

Low Buy เป็นจริยธรรมร่วมสมัย การลดการบริโภคที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่ความยากจน แต่เป็นจริยธรรมของการเลือกอย่างรู้เท่าทัน เป็นทางเลือกใหม่ทางจิตวิญญาณของคนในยุคใหม่สะท้อนความเป็นหลังสมัยใหม่ผ่านรูปแบบของการต่อต้านโครงสร้างอำนาจของตลาดโดยไม่ใช้ความรุนแรง การปฏิเสธกฎตายตัว เปิดให้คนมองเห็นหลายความหมายในการบริโภค ชี้ให้เห็นว่าสังคมเริ่มคลายความเชื่อว่าความสุขต้องซื้อได้ เน้นอัตลักษณ์ที่เลือกสร้างเอง และเน้นเสรีภาพจากวัฒนธรรมบริโภค


Leave a comment